Sunday, August 8, 2010

ฝากถึง MacDeltathai อีกซักกระทู้ครับ

ที่ผ่านมาผมเห็นคุณ มีแต่ความคิดเชิงบวกต่อ แอมเวร เหลือเกิน เชื่อในธุรกิจนี้ว่าจะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างจริงจัง แต่ในความเป็นจริงคือคุณไม่กล้าตอบคำถามบางอย่างเช่น

1.คุณทำ แอมเวร มากี่ปี
2.มีรายได้ หลังหักค่าใช้จ่ายจาก แอมเวร เท่าไหร่

ในเมื่อตัวคุณเองยังไม่ประสบความสำเร็จเลย แต่คุณเพียงแค่คิดว่าแผนธุรกิจนี้มันดี และเห็นตัวอย่างจากคนอื่นที่เค้าประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้คุณก็เชื่อแล้วหรอว่าธุรกิจนี้คือสุดยอด จะพาคุณไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้ผมบอกตรงๆ ครับว่าคุณคิดตื้นเกินไป

จากประสบการณ์ของผมที่เคยรู้จักคนพวกนี้ผมขอแบ่งพวกที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจ แอมเวร ออกเป็น 3 ประเภทนะครับ

1.พวกที่รวยแต่เปลือก หลายๆคนมีรายได้จากธุรกิจนี้เป็นหลักแสนหลักล้านก็จริง แต่ในความเป็นจริงๆ คนเหล่านี้ก็มีรายจ่ายไม่แพ้กันต้องกู้ หรือหยิบยืมเงินมาซื้อเพื่อรักษายอด ซึ่งคนพวกนี้อาแต่พูดถึงรายได้แต่คุณเคยรู้รึเปล่าว่าจริงรายจ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ หลายๆคนมีหนิ้สินหลักล้านสิบล้านเพราะต้องการรักษายอดรักษาฐานะหน้าตาเอาไว้

2.คนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพของตัวเองแล้วมาทำ แอมเวร อย่างหลายๆคนที่คุณยกตัวอย่างมา คุณต้องเข้าใจก่อนนะครับคนเหล่านี้เค้าเป็นคนเก่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมาอย่างมากมาย ต้องให้เครดิตเค้าก่อนครับว่าโดยส่วนตัวคนพวกนี้เก่งอยู่แล้วไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็มักประสบความสำเร็จ
คนพวกนี้มักเป็นที่รู้จักเยอะ มีอิทธิพลต่อความคิดของคนอื่น เวลาพูดอะไรคนก็มักเชื่อ ทำให้ได้เปรียบอย่างมากในการหา Downline ซึ่งต่างกับคนทั่วไป ผมรู้จักคนกลุ่มนี้อยู่คนนึง แกเป็นอาจารย์มหาลัย เป็นวิทยากรให้กับหน่วยงานต่างๆ ทำให้ไม่ยากเลยครับที่เค้าจะหา Downline เพราะมีคนเชื่อและศรัทธาในตัวแกเยอะมาก เวลาแกพูดอะไรคนมักเชื่อ ในขณะที่ถ้าเป็นคนทั่วไปๆ ผมบอกตรงๆเลยครับยากที่จะหาดาวไลน์เยอะและประสบความสำเร็จได้

3.คนที่ทำ Amway จนประสบความสำเร็จ คือทำ แอมเวร อย่างเดียวจนรวย ผมเชื่อครับว่ามีๆ แต่คนมีในอัตราส่วนที่น้อยมากๆ และคงยากมากๆ ที่คนทั่วไปจะทำได้

เวลาที่ แอมเวร ยกตัวอย่างคนที่ประสบความสำเร็จสังเกตมั้ยครับ แอมเวร ไม่เคยบอกอัตราส่วนของคนที่ประสบความสำเร็จต่อนักธุรกิจทั้งหมด โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าอัตราส่วนคงต่ำมากๆ ดังนั้นแอมเวร จึงไม่กล้าเอามาโชว์

แอมเวร ชอบยกตัวอย่างแต่คนที่ประสบความสำเร็จโดยบอกว่าประสบความสำเร็จเพราะแผนธุรกิจดีสำหรับคนที่ล้มเหลว แอมเวร กลับบอกว่าเพราะเค้าล้มเลิกเอง หรือทำไม่ถูกวิธี พูดง่ายๆ คือเอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่นๆ น่าเกลียดครับ

แอมเวรชอบบอกว่าทำ แอมเวรเหมือนเป็นเจ้าของธุรกิจ ผมสงสัยครับเป็นเจ้าของธุรกิจยังไง ในเมื่อ ในเมื่อคนเป็นสมาชิก ไม่ได้มีหุ้นของบริษัท ไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมของบริษัท ว่าคัดค้านหรือเห็นชอบมติต่างๆ อย่างนี้จะบอกว่าเป็นเจ้าของธุรกิจได้ยัง ที่สำคัญ แอมเวรให้ส่วนแบ่งแค่ 10% ลองเทียบดูกับบริษัทจดทะเบียนใน ตลท. หลายๆ บริษัทปันผลให้ผู้ถือหุ้น อย่างน้อย 30-50% ของกำไรอย่างสม่ำเสมอ คิดดูสิครับได้มากกว่าแอมเวรตั้งกี่เท่า

นธอ บางคน ชอบยกตัวอย่างคนที่มีรายได้หลักล้านแล้วเอาเงินไปซื้อบ้าน ซื้อรถราคาแพงๆ บอกตรงๆ ครับ แนวคิดอย่างนี้มันผิดหลักกับการกระทำของคนรวยส่วนใหญ่ ถ้าคุณได้ศึกษาประวัติของมหาเศรษฐีหลายๆคน คุณจะพบว่าหลายๆคนเค้า ไม่รีบซื้อความสุขให้ตัวเองก่อนแต่มักจะนำเงินที่ได้ไปลงทุนเพื่อต่อยอดทางธุรกิจ แต่แอมเวรกลับสอนว่าได้เงินมาต้องเอาไปซื้อบ้านซื้อรถราคาแพง ทำแบบนี้คงรวยอ่ะครับ

ผมเห็นคุณเชื่อเหลือเกินอีก 3 ปี 5 ปีคุณจะประสบความสำเร็จ ลองบอกหน่อยซิว่าอีก 3ปี คุณคิดว่าคุณจะมีรายได้เท่าไหร่ ถ้าได้แล้วช่วยเอามาโชว์ให้เพื่อนๆ ในห้องนี้ดูด้วยนะ ผมจะรอดูนะครับ ตอนที่ผมเรียนจบใหม่ๆ ผมมีเพื่อนที่คิดแบบคุณสองสามคน ไม่ต่างจากคุณเลย แถมมันยังบอกผมอีก ว่าคอยดูนะวันไหนมันรวยขึ้นมาจะมาเยอะเย้ยผม อย่ามาอิจฉามันล่ะ ผ่านไป 5 ปี ทุกวันนี้หลังจากเสียเงินเสียเวลาไปมากมันเลิกแล้วครับ เพราะมันรู้ดีว่าธุรกิจแบบนี้มันขายฝันมากกว่าขายความจริง

สุดท้ายผมอยากแนะนำคุณ Mac ครับว่าถ้าคุณอยากมีอิสรภาพทางการเงิน ผมอยากให้คุณศึกษาเรื่องการลงทุนในหุ้นดูครับ (ผมใช้คำว่าการลงทุนในหุ้นไม่ใช่ เล่นหุ้นนะครับ) Warrant Buffet รวยอย่างมหาศาลเพราะการลงทุนครับ ไม่ได้รวยเพราะทำขายตรงอย่างที่คุณเข้าใจ ส่วนในเมืองไทย ดร.นิเวศน์ ก็เป็นคนนึงที่น่าสนใจมากๆครับ เพราะท่านรวยเป็นพันล้าน จากการลงทุน ในตลาดหลักทรัพย์ด้วยเงินหลักสิบล้าน คุณลองศึกษาประวัติของคนเหล่านี้ดูครับว่าทำไมเค้าถึงสามารถสร้างรายได้มหาศาลจากการลงทุน ดีว่ามานั่งเพ้อเจ้อ กับธุรกิจสีเทาแบบแอมเวร

จากคุณ: เบื่อแอมเวร
เขียนเมื่อ: 30 ก.ค. 53 19:11:05 A:115.67.7.246 X: TicketID:244000

ทำไมต้องเป็น amway แล้วแบรด์อื่นล่ะ

ทำไม แอมเวย์ ต้องเป็นเป้าอยู่ยี่ห้อเดียวด้วยครับ

ทั้งๆที่มียี่ห้ออื่นที่ทำธุรกิจคล้ายกัน

เวลาคนพูดถึงธุรกิจลูกโซ่ก็จะเป็นแอมเเวย์ แอมเวย์ อย่างเดียว

อย่าง Giffarine ผมก็โดนตื้อให้ทำเหมือนกัน

เพื่อนผมมันบอกว่าให้ไปสมัครไว้อย่างเดียวล่ะกัน ไม่ต้องซื้อก็ได้ (หลังจากตื้อมานาน)

แล้วยังมียี่ห้ออื่นอีก หรือมีแอมเวย์ที่เป็นธุรกิจที่แย่อย่างเดียว แต่อันอื่นไม่หลอกลวงครับ

จากคุณ: pantaye
เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 53 20:44:30

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9537699/B9537699.html

(กระทู้อยากรู้) เห็นมีแต่คนต่อต้าน แอมเวย์ แล้วเฮอร์บาไลฟ์?

จากกระทู้ต่อเนื่องของแอมเวย์ มีคนค่อนข้างให้ความสนใจเยอะ

ทั้งด้าน บวก และ ลบ (ซึ่งดูเหมือนจะเยอะกว่า)

เลยอยากรู้ว่า เฮอร์บาไลฟ์ ไม่น่ารังเกียจกว่าหรอ

แอบอ้างเอาดารา มาอ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์

คอยส่งอีเมล์ขยะรบกวน ชวนเชื่อต่างๆ รวมไปถึงแบนเนอร์ตามเว็บ

หลอกหลวงต่างๆ นานา หรือใครซวยหน่อย โดนเพื่อนลากไปฟังอบรม (เมคมันนี่)

หรือที่เค้าเรียกกันว่า ห้องเชือด (ใครเคยไป จะรู้ดี)

ซึ่งเวลาฟัง จะรู้สึกตื่นเต้น มาโอ้อวดต่างๆ บ้างว่าเป็นหมอ

ข้าราชการบ้างละ สักพักก็มีคนมาตบมือให้ (เอาเข้าไป)

เราว่ารูปแบบ การอวดอ้าง รวมไปถึงระบบของมัน หลอกลวงกว่า แอมเวย์ เยอะ

แต่กลับไม่มีใครพูดถึงเลย อันนี้เป็นแค่ในความคิดเห็นเรานะ

อยากระบายบ้าง....

แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 02:13:18

จากคุณ: Ms.Marrie
เขียนเมื่อ: 3 ส.ค. 53 02:09:08

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9538673/B9538673.html

ความคิดก็เหมือนไวรัส แล้วแนวคิดของแอมเวย์ล่ะ ใครมีภูมิคุ้มกันแล้วบ้าง

จากภาพยนตร์ Inception
มีประโยคที่เจ๋งมากๆ
"ความคิดก็เหมือนไวรัส ถ้าลองได้ฝังมันลงไปแล้ว ห้ามการระบาดยาก"

อันนี้ที่มาของแรงบันดาลใจในการตั้งกระทู้

จากคุณ: จินเชียง
เขียนเมื่อ: 4 ส.ค. 53 23:37:01

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9546261/B9546261.html

มันมาอีกแล้ว MLM จะปฏิเสธยังไงดี

เมื่อครู่ เพื่อนเก่าสมัยเรียนติดต่อมา
ตอนแรกนึกว่าคุยทักทายปกติที่ไหนได้

มันเริ่มถามว่า
1. งานที่ทำอยู่เป็นไงมั่ง (เขียนหนังสืออยู่ สบายโคตรๆ)
2. แล้วคิดว่างานจะมั่นคงไปตลอดไหม วันนึงถ้าเขียนไมได้จะทำไง

เริ่มเอ๊ะใจแล้ว อ้าวเฮ้ย อีนี่ ถามส่อแววมาก

ก็ตอบมันไปว่าเขียนหนังสือไม่ได้ใช้แรงงาน ไม่ได้นั่งรถไปไหน
ใช้สมอง

ถ้าเขียนไม่ได้แปลว่าสมองตายแล้ว ถึงตอนนั้นคงไม่ต้องทำไรแล้ว

มันก็อึ้งไปสองวิ แล้วถามต่อว่า
ชอบซื้อของใช่ไหม - ตอบ ชอบสิ

แล้วถ้าซื้อของแล้วได้เงินคืน ดีไหม - ไม่ได้ตอบ

มันปิดระบบใน msn แล้วโทรหาเราทันที
เพื่อจะอธิบายว่าของมันมีดียังไง
ท่องสโลแกนให้ฟัง (คล้ายๆ แอมเวย์ แต่ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่แอมเวย์นะคะ สตาร์เนทเวิร์คอะไรสักอย่าง)
"เปลี่ยนที่ซื้อของ และได้เงินคืน"

เราก็เริ่มแบบ อ้าวเฮ้ย ชั่ว เอ้ย ชัวร์แล้วแบบนี้ มาหาเครือข่าย -*-

แล้วมันก็เริ่มพูดๆๆๆ ให้รายละเอียด ว่าดียังไง
ยังไงก็ต้องซื้อของมาใช้อยู่แล้ว ไม่ซื้อของรึไงเดือนๆนึง

เครือ่งสำอางไม่ใช่รึไง

เราก็ตอบ ใช้ แต่ติดยี่ห้อ

มันว่านี่ก็ยี่ห้อนะ (ยี่ห้ออะไรฟระไม่เคยได้ยิน) ใช้สายตัวเดียวกับยี่ห้อดังๆ โรงงานเดียวกับลังโคมเลย

ตอบ - เราใช้คริสเตียนดิออร์ ไม่ใช่ดิออร์ เราไม่ใช้

ชี - แต่โรงงานเดียวกันเลยนะ
เรา- ไม่สน
ชี- แล้วไม่ล้างจานบ้างรึไง
เรา-อ๋อ ไม่เคยซื้อ ของพวกนี้ให้น้าซื้อ
ชี- งั้นขอสายน้าหน่อย น้าอยู่บ้านไหม

-*-

สรุปว่ามันจะขายให้ได้

คุยไปคุยมา ชี ขอเข้ามาที่บ้านพรุ่งนี้ จะขอนำเสนอแผนการตลาด ถ้าไม่สนใจจริงๆ ก็ไม่เป็นไร
(ใครจะเชื่อ -*-)

สรุปว่าทำไงดีเนี่ย ทั้งเบื่อ ทั้งเซ็ง ตกลงถึงเวลาที่เราต้องเสียเพื่อนนิสัยดีๆ ไปอีกหนึ่งคนใช่ไหม เพราะยังไงก็ตาม เราจะไม่ยอมให้ใครมาหาเราถึงบ้านเพื่อแผนการตลาดเป็นอันขาด

ชีขอเวลานำเสนอ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

แต่ประทานโทษ พูดตามตรงว่าเสียเวลาจริงๆ 1 ชั่วโมงที่ว่าเอาไปเล่นเกมในเฟซบุคยังดีกว่า -*-

ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ

จากคุณ: meaw-angle
เขียนเมื่อ: 7 ส.ค. 53 12:50:26

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9554821/B9554821.html

ขอวิเคราะห์ธุรกิจ แอมเวร์ อย่างมีหลักการเพื่อตอบคำถามตรงๆ

จากที่ได้อ่านกระทู้ amway มาหลายหน
ทำให้เกิดคำถามที่ไม่ได้คำตอบมากมาย เลยขอใช้หลักการเพื่อตอบประเด็นต่างๆ ผมพยายามหาข้อมูลต่างๆ เพื่อให้มีแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ให้มากที่สุด แต่ข้อมูลหลายๆส่วนต้องประมาณด้วยสถิติออกมาแทน

ข้อมูลดิบ มีดังนี้

ก่อตั้ง 1987 = 23 ปี
ยอดขาย 2009 = 13,300 ล้านบาท
ระดับเพชรขึ้นไปประมาณ 200 คน
แหล่งข้อมูล
http://www.amwaywiki.com/Amway_Thailand
--------------
มี นธอ. (active) 440000 และสมาชิกอิสระ 300000 คน อัตราเพิ่ม 25000 คนต่อเดือน
แหล่งข้อมูล
http://www.nationmultimedia.com/worldhotnews/read.php?newsid=30065434
--------------
แผนการตลาด หา downline แค่ 4 คน
แหล่งข้อมูล
http://titinune.exteen.com/20071215/fw-amway
---------------
มีส่วนแบ่งให้คนขายตรง 25-30 %
แหล่งข้อมูล คห.29
http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9528891/B9528891.html
--------------
รายได้เฉลี่ยคนไทยต่อปี IMF 3940 USD =130,020 baht
แหล่งข้อมูล
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_%28nominal%29_per_capita

จากคุณ: วอหลักสี่
เขียนเมื่อ: 2 ส.ค. 53 10:29:59

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9535340/B9535340.html

ผม กองหนุนท่าน macdeltathai มาแล้วครับ อยากถามอะไรเกี่ยวกับแอมเวย์มาเลยครับ

หลังจากที่ท่าน macdeltathai ผู้เจนจบศาสตร์แห่งแอมเวย์ ถูกระเบิดปูพรมถล่มอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ท่าน mac ยังคงต้านไว้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยข้อมูลด้านบวกที่ไม่มีใครปฏิเสธได้

วันนี้ผมขออาสาเป็นทหารกองหนุนให้กับท่านแม่ทัพ macdeltathai เพื่อช่วยต่อต้านอริราชทุกผู้นามที่คิดจะล้มล้างระบอบแอมเวย์

เชิญทุกท่านประทานคำถามมาเลยครับ จะพยายามตอบให้เท่าที่ตอบได้ ถ้าข้อไหนยากเกินก็รบกวน ท่านจอมทัพ macdeltathai มาช่วยตอบด้วยครับ

มีคำถามที่อริราชศัตรูท่านหนึ่งอ้างว่า เป็นคำถามที่จอมทัพสวรรค์ macdeltathai ตอบไม่ได้
วันนี้ผมขอตอบแทนละกันครับ

1.คนทำแอมเวย์ มีสัดส่วนคนสำเร็จกี่คน ล้มเหลวเท่าไร
ตอบ... ขอตอบแบบให้เข้าใจง่ายๆ ในจำนวนคนทำแอมเวย์ 1แสนคน จะสำเร็จแค่ประมาณ 16คนเท่านั้น เหมือนกับการแข่งขันฟุตบอลโลก แชมป์เปี้ยนมีได้แค่ทีมเดียว คงจะทำให้ทุกทีมเป็นแชมป์ไม่ได้ เช่นกันกับระบอบแอมเวย์ถ้าทุกคนรวยหมด ก็คงเป็นการขายยาบ้าแล้ว อาชีพอื่นยังไม่รวยกันทุกคนเลย การทำแอมเวย์ไม่ต่างจากอาชีพอื่น ใครทำงานออฟฟิศน่าจะรู้ ยิ่งใครมีตำแหน่งระดับหัวหน้าในองค์กรเอกชน ยิ่งใครเป็นเจ้าใหญ่นายโตในอาชีพราชการ ยิ่งไม่ควรสงสัยระบอบแอมเวย์ด้วยซ้ำ เพราะการที่พวกท่านก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้า นั่นคือการเหยียบบ่าคนอื่นขึ้นมา แต่อย่าลืมว่ายังมีคนที่อยู่สูงกว่าท่าน และเหยียบบ่าท่านอยู่เหมือนกัน ก็อัพไลน์ท่านไง

การทำแอมเวย์ ก็คือการทำอาชีพอย่างหนึ่ง เราไม่ใช่มูลนิธิสังคมสงเคราะห์ จะไปช่วยให้คนอื่นรวย เป็นคำโฆษณาเท่านั้นครับ ในเมื่อกรูยังไม่รวย กรูช่วยตัวเองให้รวยก่อนไม่ดีรึครับ พอตัวเองรวยแล้ว กรูไปช่วยคนในครอบครัว คนในตระกูลกุต่อไม่ดีรึครับ จะไปช่วยคนอื่นก่อนทำไม ฮ่วย!
(ขออภัยที่ต้องใช้สรรพนาม กรู ไม่ได้จะหยาบคายแต่เพื่อความมันจ้า)

ประโยคที่ว่า ผมจะช่วยให้พวกคุณรวย มันเป็นเพียงกลยุทธ์การตลาดเท่านั้น พวกคุณไม่น่าจะถามนะ

คนที่จะประสบความสำเร็จในการทำแอมเวย์ ไม่ใช่คนขายของเก่งครับ แต่เป็นคนที่เก่งด้านจิตวิทยา คนรุ่นใหม่ส่วนมาก มีแต่อยากรวยเร็วทั้งนั้นครับ การทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ค่อยๆสร้างเนื้อสร้างตัว มันไม่ทันใจครับ เราต้องใช้จุดนี้ให้เป็นประโยชน์ครับ หัวใจของการทำแอมเวย์ไม่ใช่การขายสินค้าครับ แต่เป็นการหาดาวไลน์ ใครหลงไปกับการขายสินค้าบอกได้เลยครับว่า ไม่มีทางสำเร็จ เพราะคุณจะได้อยู่แค่นั้น
แต่จริงๆแล้วแอมเวย์ไม่สามารถทำให้คุณรวยในพริบตาได้ อยากรวยใน10นาที นอกจากเล่นหุ้น กับ ปล้นร้านทองแล้ว ก็มีเพียงนี้เท่านั้น

2.ผมมีรายได้ต่อเดือนเท่าไร
ตอบ... เป็นคำถามที่แทงใจผมชิบเป๋งเลยครับ ถ้าผมมีรายได้เป็นแสน ก็คงไม่รอพวกคุณถามหรอกครับ ผมคงเอามาอวดไปนานแล้ว แต่ทุกวันนี้รายได้อยู่ที่ 4-5พันบาทต่อเดือนเองครับ
แต่ท่านจอมทพสวรรค์ macdeltathai น่าจะอยู่ที่ 3-4แสนต่อเดือนครับ

คำถามที่ว่า ทำไมชอบยกคนประสบความสำเร็จแค่ สิบกว่าคนแล้วก็เอามาโฆษณาวนไปวนมา
ผมถามต่อว่าพวกท่านเคยเห็นโบรชัวร์สถาบันกวดวิชาไหมครับ ที่ยกเอาคนที่สอบได้ที่1ของประเทศ คนที่สอบได้คะแนนน100เต็มมาอ้าง ทำไมเขาไม่เอาคนสอบไม่ติดมาโฆษณาล่ะครับ มันก็หลักการตลาดล้วนๆครับ ถ้าแอมเวย์เอาคนที่ทำแอมเวย์แล้วเป็นหนี้ท่วมหัวมาโฆษณา มันจะมีใครสนใจจะทำแอมเวย์บ้างครับ

ทุกคำถามมีคำตอบครับ ไม่มีอะไรหลุดพ้นจากหลักแห่งการตลาด


ใครคิดจะล้มระบอบแอมเวย์ ข้ามศพผมไปก่อนครับ

ผมมีทางออกให้กับคนที่ทำแอมเวย์เครับ

ผมว่านะ คุณเอาเวลาที่คุณมุ่งมัน (มากๆ) ทะเยอทะยาน (มากๆ) ไปลงทุนลงแรงกับธุรกิจของตัวเองดีกว่า ถ้าคุณทำได้อย่างเดียวกับที่คุณทำแอมเวย์ คุณรุ่งครับ เชื่อผม....

เพราะผมเคยหลงเข้าไปในธุรกิจแอมเวย์พักนึง ไม่ใช่ผมว่าธุรกิจแอมเวย์ไม่ดีนะครับ เพียงแต่ถ้ายุคแอมเวย์แรกๆ ผมว่าดีเลยล่ะ แต่ตอนนี้มันเอาท์แล้วครับ ชื่อเสียมากกว่าดี ผมเอาแนวความคิดที่ดีๆของแอมเวย์มาลงทุนลงแรง กับธุรกิจเสื้อผ้าของผม ตอนนี้เหรอครับ อัพไลน์ยังต้องอิจฉาผมเลยครับ อิอิอิ (ไม่ได้โม้)

จากคุณ: djp
เขียนเมื่อ: 6 ส.ค. 53 15:46:33

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9552185/B9552185.html

ผมเสียเพื่อนเพราะ Unicity

ไม่ทราบว่าผมลงกระทู้ถูกห้องหรือเปล่านะครับ ถ้าผิดก็ขออภัย

คือว่าผมไม่ได้ว่าบริษัท Unicity ไม่ดีนะครับ

แผนของเขาก็ดีอยู่แต่ก็ไม่ค่อยจะแตกต่างจากบริษัทอื่นสักเท่าไหร่

สินค้าก็โอเคนะครับ

แต่ประเด็นมันมีอยู่ว่าผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เรียนอยู่ด้วยกัน สมมุติว่าชื่อนาย R ผมและนาย R สนิทกันมาตั้งแต่อยู่ปี 1 คุยกันถูกคอและชอบปราศรัยทุกเรื่องกันอย่างมาก แต่แล้ววันหนึ่งประมาณปลายเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมาผมและนาย R ได้รับการชักชวนร่วมลงทุนในธุรกิจดังกล่าวจากนาย K ซึ่งมันทำให้ชีวิตผมและนาย R เปลี่ยนไป

ส่วนตัวนาย R เป็นคนที่เรียนเก่งมากคนหนึ่งและมีความรู้มากๆ แต่ออกจะด้อยทางด้านเรื่องสังคมไปเยอะ (สังคมในที่นี้หมายถึงการปฎิสัมพันธ์กับคนรอบข้างนะครับ) เมื่อเขาได้รับการชักชวนผมก็ไปกับเขาไปดูทุกสิ่งทุกอย่างที่นาย R แนะนำมา ผมก็ว่าโอเคก็ดี ผมและนาย R ก็ตัดสินใจสมัคร

จากนั้นกลายเป็นว่านาย R ที่เป็นคนเรียนดีมาตลอดกลับไม่ค่อยจะสนใจเรื่องเรียน ผมจึงคอยเตือนเขาเสมอว่า "นาย ตอนนี้นายมีหน้าที่เรียนนะนายจะทำธุรกิจไปเราไม่ว่าแต่เราอยากเตือนนายว่าให้นายตั้งใจเรียนเหมือนเดิมได้หรือเปล่าอย่าไปทุ่มเทกับในเรื่องธุรกิจเยอะเกินไป" กลับกลายเป็นว่าเขามองเหมือนว่าผมไปขัดอะไรเขาสักอย่าง

นาย R เป็นคนที่ประหยัดมากคนนึงที่ผมรู้จักแต่ ตั้งแต่เขาเข้ามาทำธุรกิจนี้ เขาถอนเงินในบัญชีเก็บออมเพื่อไปปิด 500 PV นั่นและซื้อ BB ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะใช้ เมื่อถามเขาก็บอกว่าไปใช้ทำธุรกิจ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมจึงถามต่อว่านายซื้อมาเท่าไหร่ นายไปซื้อกับใคร เขาก็ตอบว่า "เราไปซื้อกับ K มา ราคา 9000 บาท" ผมจึงบอกเขาไปว่าถ้านายอยากได้ BB ทำไมไม่บอกเราหาให้นายได้ในราคาที่ถูกกว่า 9000 อีกนะ เขาก็ไม่สนใจ

จากที่ผมกับ R คุยกันมาตลอด ไปเที่ยวด้วยกัน มีอะไร R ก็จะมาคุยกับผมเรื่องปัญหาต่างๆ ตั้งแต่เขาเข้าธุรกิจตัวนี้เขาก็เปลี่ยนไปไม่ค่อยคุยกับผม มีอะไรไม่ปรึกษาทั้งๆที่ผมไม่เคยให้เขาเสียผลประโยชน์เลย พอผมถามถึงธุรกิจว่าเป็นอย่างไรบ้างเขาก็บอกว่า "เขาห้ามถามกัน ตามกฎข้อ 7 ไงนายไม่รู้หรอ" (พอดีว่าผมก็ทำเหมือนกันแต่ผมต้องเรียนผมจึงเลือกเรียนไว้ก่อน) ผมก็บอกว่าก็แค่ถามเผื่อมีอะไรที่พอจะให้นายช่วยเราได้บ้าง หรือหากนายมีอะไรให้ช่วยเราก็ยินดีช่วยนาย แต่เขาก็ไม่สน

จนกลายเป็นว่าผมรังเกลียดธุรกิจของบริษัทนี้ไปโดยทันที

เมื่อผมไปปรึกษาแฟน แฟนก็บอกว่าสงสัยเขาคงกลัวที่ผมจะไปแย่งตลาดของเขา ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร

ล่าสุดผมก็เพิ่งส่งข้อความเพื่อไปบอกกับเขาว่านายกับเราคงเป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้วล่ะเพราะเขามองมิตรภาพที่ผมให้กับเขาไปว่าเป็นเรื่องไร้สาระไปแล้วกลับกันเขามองนาย R ว่าดีกว่าผม ทั้งๆที่ผมไม่เคยเรียกร้อง ยืมเงิน ขออะไรจากเขาเลย

ทุกวันนี้เขาสนิทกับนาย R ไปแล้วล่ะครับ

ผมควรทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์นี้ครับ

จากคุณ: blueswim
เขียนเมื่อ: 6 ส.ค. 53 16:42:12

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9552383/B9552383.html