Sunday, March 28, 2010

ถูกหลอกให้ไปขายตรงเฮอเครือข่ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โปรดอ่าน คนหางานให้ระวัง !

ผมถูกหลอกให้ไปขายตรงเครือข่ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โปรดเข้ามาอ่าน คนหางานให้ระวัง !!!!

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ผ่านมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาหมาด ๆ แม้จะยาวสักนิด แต่ได้โปรดอ่านและบอกต่อเพื่อผู้อื่นด้วย
ผมถูกหลอกดังกล่าวอยากจะมาบอกเล่าให้กับทุกคนอยากจะให้ทุกคนที่กำลังตกงาน หางานใหม่ หารายได้พิเศษ ระวังตัวไว้
งานที่ ๆ ที่ผมถูกหลอกก็คือ งานขายอาหารเสริมสุขภาพของบริษัทแห่งหนึ่ง ลงประกาศในหนังสือสมัครงานทั่ว ๆ ไปที่ท่านหาอ่านได้
เขาบรรยายบริษัทเขาที่ไม่บอกว่าชื่ออะไรแน่ แต่เรียกแทนตัวเองว่า
*********************************************************************************************************************
"Thailand Anti Aging Center"
"เป็นบริษัทมหาชน ดำเนินงานในการทำการตลาดและวางแผนการประชาสัมพันธ์ให้กับบริษัทต่าง ๆ ที่
ดำเนินงานด้านสุขภาพและความงามทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดการดำเนินการในรูป international
E-business ที่ทำการดำเนินงานทางสื่อออนไลน์ทั้งอินเตอร์เน็ตและสื่อพื้นฐานอื่น ๆ ในส่วนที่ 2 ดำเนินการเปิด
เป็นศูนย์สุขภาพที่เป็นสาขาย่อยของสาขาใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั่วโลกที่ให้การดูแลผู้ป่วย
นับ 50 ล้านคนและเป็นการบำบัดที่รับรองผล"
ตำแหน่งต่าง ๆ มีดังนี้ (ผมข้อสรุปรวบรัดหน่อยไม่ให้ยาว ในหน้าที่จะไม่พูดถึงการขายเลย)
1. เจ้าหน้าที่ฝ่ายให้ข้อมูลลูกค้า 20 ตำแหน่ง (12,000-20,000 บาท/เดือน)
ทำหน้าที่ในการแจงรายละเอียดโปรแกรมดูแลสุขภาพให้กับลูกค้าผู้ป่วยที่ติดต่อมาที่ศูนย์
2. เจ้าหน้าที่ประสานงานลูกค้า 15 ตำแหน่ง (12,000-20,000 บาท/เดือน)
ทำหน้าที่ในการประสานงานกับลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาขอรับการบำบัดรักษากับผู้ชำนาญการด้านสุขภาพ
3. เจ้าหน้าที่ดูแลและให้คำปรึกษาความงามและผิวพรรณ 10 ตำแหน่ง (15,000-30,000 บาท/เดือน)
ทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านความงามและผิวพรรณ ให้คำแนะนำแก้ไขโดยใช้โภชนาการแก่ผู้ป่วย
4. เจ้าหน้าที่ควบคุมโภชนาการลดน้ำหนักประจำตัวผู้ป่วย 10 ตำแหน่ง (15,000-30,000 บาท/เดือน)
ทำหน้าที่จัดโปรแกรมควบคุมน้ำหนัก ติดตามผลผู้ป่วยจนได้รับผลดีที่สุดและปลอดภัย
5. เจ้าหน้าที่ฝ่ายให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ 10 ตำแหน่ง (15,000-30,000 บาท/เดือน)
ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพแก่ลูกค้าหรือผู้ป่วยที่ติดต่อมายังศูนย์ ทั้งทางโทรศัพท์ อินเตอร์เนต ฯลฯ
วันล่ะ 100-200 รายต่อวัน โดยให้คำปรึกษาด้านโรคและติดตามบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วย มีการสอนงานโดยแพทย์และ
และผูเชี่ยวชาญจนทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม
*** คุณสมบัติ เช่น
อายุ 22 ปีขึ้นไป มีทั้ง Part time และ Full time ตำแหน่งที่ 1-2 วุฒิขั้นต่ำ ม.6
ตำแหน่ง 3-5 วุฒิขั้นต่ำปริญญาตรีสาขาใด ๆ ก็ได้ สาขาเกี่ยวข้องพิจารณาเป็นพิเศษ
รักงานบริการและอยากก้าวหน้า และทุกตำแหน่งต้องผ่านการฝึกอบรมโภชนาการและระบบทำงานก่อนร่วมงาน
ทุกตำแหน่งปฏิบัติงานที่ ศูนย์สุขภาพ อาคารหอการค้าไทย-จีน กทม.
*** วิธีการสมัคร ติดต่อคุณ...................... โทร............................ (ชื่อ และเบอร์โทรไม่ซ้ำกัน)
หรือทาง E-mail : .....................................
ที่อยู่ อาคาร THAI CC ถนนสาทรใต้ ติดสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ เขตสาทร กทม 10120
( ติดโรงพยาบาลเซนต์หลุย นั่งรถเมล์สาย 116 หนามแดง-สาธร)

นอกเรื่องครับ ใครเคยโดนให้ไปฟังบรรยาย HERBALIFE

นอกเรื่องครับ ใครเคยโดนให้ไปฟังบรรยาย HERBALIFE ที่ All Season มั้งครับ

อยากรู้ว่าจะโดนหลอกหรือไม่ ครับ

รบกวนผู้มีประสบการณ์ทีครับ

ขอประทานโทษอย่างสูงที่นอกเรื่องครับ

ระวัง ธุรกิจ HerBalife ภัยเงียบ !!! ถ้าไม่อยากโดน ควรอ่านอย่างยิ่ง

ใครที่กำลังจะไปตึก All Season หรือ หางานพิเศษ อย่าได้หลงเชื่อ


ผมได้เขียน เรื่องธุรกิจ ระวัง ธุรกิจ AGEL ภัยเงียบ !!!

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B8739430/B8739430.html
ซึ่งยังไม่จบดีนัก แต่อยากจะขึ้นในส่วนของธุรกิจ Herbalife ก่อนครับ

อย่างที่ผมเคยพูดไปแล้วน่ะครับ

ว่าช่วงนี้ธุรกิจเครือข่าย กำลังมาแรง แต่ผมก็ลืมอธิบายไปว่า ธุรกิจขายตรง และ ธุรกิจ MLM หรือ ธุรกิจเครือข่ายนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร

ธุรกิจขายตรง คือธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าผ่านทางตัวแทน เช่น เอวอน มิสทีน หรือการขายประกัน เครื่องกรองน้ำเป็นต้น

รายได้จะเกิดจากการจำหน่ายสินค้าได้เท่านั้น

ธุรกิจเครือข่าย หรือ MLM คือ ธุรกิจที่มีแผนการตลาดแบบหลายชั้น เช่น แอมเวย์ กิฟฟารีน เอเจล เฮอร์บาไลฟ์ เป็นต้น

รายได้จะเกิดจากการชักชวนผู้คนมาซื้อสินค้าและเกิดกา รชักชวนต่อไปเรื่อยๆ

ซึ่งบางธุรกิจเป็นเพียงแค่ ขายตรง แต่ไม่ใช่ MLM

และบางธุรกิจ เป็นทั้ง ขายตรง และ เป็ร MLM ด้วยเช่นกัน

ธุรกิจ MLM ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่เป็นธุรกิจที่เยี่ยมยอดที่ผมอยากแนะนำให้ทุกท่านถ ้ามีโอกาสอยากให้ลองศึกษาและทำ

แต่ !!! ธุรกิจ MLM ที่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับแผนการตลาด และ สินค้า ช่องทาง และโอกาส

ผมเองไม่อยากให้หลายๆท่าน Anti ธุรกิจ MLM หรือ การขายตรง แต่อยากให้ทุกๆท่าน ระวัง บางธุรกิจที่มีแผนรายได้เป็นการ ชวนให้ลงทุนสูงเกินเหตุ หรือการกักตุนสินค้า

คราวนี้ผมจะพูดถึง ธุรกิจ Herbalife กัน ธุรกิจนี้นับว่าผมคลุกคลีมาเยอะพอสมควร พอรู้ตื้นลึกหนาบาง

ผมเชื่อว่าหลายๆคนในที่นี้ ต้องเคยได้รับ E-mail ที่ชักชวนให้ทำงาน part-time full-time โดยการส่ง e-mail

หรือ ชวนลดน้ำหนัก

ให้ท่านคิดไว้ก่อนเลยว่านั่นแหละ Herbalife แน่นอน

หลายคนคงถามว่า herbalife ไม่ดีตรงไหน

คำตอบคือ ไม่ดีตรงที่แค่การชักชวนเข้าไปทำธุรกิจของคุณก็ไม่โป รงใสซะแล้ว

ด้วยเหตุนี้ผมจึงลองเข้าไปฟังด้วยหูของตัวเองก่อนดีก ว่า

ผมได้เดินทางไปที่ตึก All season ถนนวิทยุ เข้าไปที่บริษัทแห่งหนึ่งชื่อว่า โกลเบิล...

ผมนั่งฟังเกือบ สามชั่วโมง เนื้อหาเป็นการพูดถึงเรื่องเทรนของการดูแลสุขภาพ ซึ่งตรงนี้ผมไม่สนใจเท่าไหร่

แต่สิ่งที่สร้างความขบขันให้กับผม จนแทบจะกลั้นหัวเราะไม่ไหวก็คือ

จะมีช่วงที่ผู้คนกว่า 30 - 40 คนต่างเข้าแถวเดินมาแชร์ประสบการณ์ และบอกกล่าว ว่าตนเองมีรายได้เท่าไหร่ในเดือนแรก

หลายคนบอกว่ามีรายได้ 30000 - 200000 บาท

ซึ่งผมฟังแล้วอยากจะบอกว่า นาธานมากๆ

และมีผู้หญิงคนหญิง บอกว่า "ในเดือนแรกดิฉันมีรายได้ เจ็ดพั.. อุ๊ย !! เจ็ดหมื่นค่ะ "

ทำไมผมถึงพูดและมั่นใจอย่างนี้นั่นก็เพราะ แฟนผมเคยทำมาก่อน (ยืมเงินผมไป 30000 รุ่นน้องแฟน ผมเป็นหนี้ 20000 ตอนนี้ ญาติเพื่อนพ่อ จำนำทองไป)

ซึ่งอาจเป็นความจริงอยู่บ้างที่บางคนมีรายได้ 10000 - 20000 แต่ไม่ทุกเดือน และไม่ตลอดไป อาจจะได้ เดือนนี้แล้วเว้นไปสัก 6 เดือนได้ใหม่

ซึ่ง Herbalift เปิดในไทยมานานกว่า AGEL จึงทำให้เห็นเป็นรูปธรรมมากกว่า

ซึ่งในวันนี้คุณจะได้รู้จัก Herbalife อย่างทะลุถึงซอกรูตรูดเลยทีเดียว

ก่อนอื่นขอบรรยาย ก่อนว่า Herbalife ไม่มีองกรค์คณะกรรมการบริหารภายในประเทศไทย
ฉะนั้นแล้ว การจัด EVEN ไม่ว่าจะ ประชุม การโฆษณา หรือกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่

ต้องมีการดำเนินการกันเอง ซึ่งจะกล่าวละเอียดต่อไป

ต่อไปนี้จะใช้คำว่า HBL แทนคำว่า Herbalife

HBL ที่ผมได้ไปศึกษามานั้น อยู่ที่ ตึก all season ถนน วิทยุ

ผมจะขอเข้าเรื่องเลยน่ะครับ เริ่มแรกเดิมที่ คุณจะถูกชวนให้มาทำการส่ง E-Mail ให้แก่บริษัท โดยบริษัทจะมีรายชื่อมาให้ท่าน (เยี่ยมเลย)

ท่านมีหน้าที่ คอนเฟิรมรายชื่อลูกค้า แล้วจะมีรายได้แต่ล่ะคนประมาณ 2000 บาทต่อคน (สุโค่ยย)

ซึ่งหากฟังดังนี้จะทำให้เราคิดได้ว่า ไม่ต้องทำอะไรมาก คอนเฟิรม ลูกค้าอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว

แต่สิ่งที่ ซ่อนอยู่ในนั้นยังไม่หมดครับ

ผมจะไล่เป็น STEP ไปน่ะครับ

ก่อนอื่น อันดับแรก เราต้องสมัครสมาชิกก่อนครับ ซึ่งค่าสมัครจะอยู่ที่ประมาณ 1200 - 1500 บาท ซึ่งเราจะได้ เชคมา 1 กระป๋อง

เมื่อท่านเป็นสมาชิกจะสามารถซื้อสินค้าได้ในราคา ลด 25 %

แต่ไม่สามารถ มีลูกทีม หรือ ดาวไลน์ได้ พูดง่ายๆก็คือ ขยายธุรกิจไม่ได้

หน้าที่ท่านก็คือ ซื้อมาและ ขาย เอาส่วนต่างไป 25 %

- ทีนี้อยากจะขยายธุรกิจทำไงดี ท่านต้องมีตำแหน่งเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์

ซึ่งการจะดำรงคุณสมบัติเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ได้นั้น เราต้องมียอดจำหน่ายให้ได้ ประมาณ 100000 กว่าบาท หรือ 4000 แต้ม พูดง่ายๆก็คือต้องขายให้ได้ถึง 1 แสน

แต่ไม่เคยมีใครทำได้ สิ่งที่เค้าจะทำก็คือ คุณต้องหาเงินก้อน มาจ่าย 1 แสนเพื่อซื้อตำแหน่ง

หาก 1 แสนบาทเรามีเงินไม่ถึง ยังมีโอกาสที่ง่ายกว่านั่น คือ ลองชวนใครสักคนมาเปิดแต้มพร้อมเราอีก 1 คน จากปกติที่เราต้องทำให้ได้ 4000 แต้ม คนเดียว และใช้ถึง 1 แสนกว่าบาท

เราจะลดภาระลงมาเหลือ 2500 แต้ม และเพื่อนอีก 2500 แต้ม รวมเป็น 5000 แต็ม สำหรับการเป็นเป็นซุป พร้อมกัน 2 คน กรณีนี้ภาระจาก 1 แสน จะลดมาเหลือ 70000 กว่าบาท

หากยังยากไปอีก คราวนี้ ลองหาคนมาเปิดแต้มพร้อมกันสัก 4 คน จะลดภาระเหลือคนล่ะ 1500 แต็ม หรือประมาณ 50000 กว่าบาท ก็จะเป็นซุปได้แล้ว

โดยซุปเปอร์ไวเซอร์ สามารถ ซื้อสินค้าลดราคาได้ 50 % เลยทีเดียว

และยังสามารถขยายงานได้อีก

รายได้ส่วนใหญ่จะมาจากการขายสินค้า และ การลงทุน ซื้อตำแหน่ง

ผมเชื่อว่าในธุรกิจ HBL นี้มีคนรวยและประสบความสำเร็จอยู่แน่นอน แต่อย่าลืมว่า เงินที่คุณได้มา มันมาจากการหลอกลวงทั้งนั้น

แรกๆที่แฟนผมทำ แฟนผมมันใจมากครับ และแฟนผมขยันมากครับ ไปประชุมทุกวัน และกลับบ้าน ตี 3 ตี 4 ทุกวันครับ

ผมแปลกใจมากว่าทำไม ถึงกลับดึก จึงต้องไปดูด้วยตาของตนเอง ก็ทำให้ทราบครับ

ว่าธุรกิจนี้ทำงานไม่ต่างอะไรกับ ประชาสัมพันธ์ พนักงานบริษัท ที่ต้องคอยโทรศัพท์ตลอดเวลา หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ชวนให้เข้าโปรแกรมลดน้ำหนั ก หรือเพิ่มน้ำหนัก

ที่ผมตลกมากก็คือ เคยมีโทรศัพทืชวนให้ผมเข้าโปรแกรม บอกว่า ปกติคอร์นี้ ราคา 8000 บาท ช่วงนี้ลดให้เหลือ 4000 แต่เค้ากลับไม่ทราบเลยว่าที่บ้านผมก็มีใบราคาสินค้าอ ยู่ คอร์สที่เค้าแนะนำผมคือ ppp เป็นโปรตีนใช้ผสมอาหารเพื่อเพิ่มน้ำหนัก กระป๋องล่ะ 700 + เชค 800 เต็มที่ไม่เกิน 1800 ผมก็ไม่ได้พูดตรงๆ ก็อ้อมๆปฎิเสธไป

แฟนผม ใช้เงินลงทุนไป 50000 กว่าบาทครับ เพื่อเป็นตำแหน่งซุปเปอร์ไวเซอร์

ผมคิดว่าคงจะได้เงินคืนบ้างและ แต่ฝันร้ายยังไม่จบ

รายชื่อที่บริษัทบอกว่าจะส่งมาให้ เพื่อโทรไปคอนเฟิรมนั่น ส่งให้จริงครับ

แต่ต้องจ่ายค่าโฆษณา 10000 - 20000 บาท เพื่อให้ได้รายชื่อมา (โอ้วแม่จ้าว O-O)

เนื่องจาก HBL ที่ตึก All sea son มีอัพไลน์ระดับสูงคือ ฝั่งคนหนึ่ง ได้จ้าง แพนเค้ก ให้มาเป็น พรีเซ็นเตอร์ 1 ปี เป็นเงิน 10 ล้านบาท

เงิน 10 ล้านบาทนี้ เอามาจาก คนมี่ตำแหน่งสูงๆ ใน HBL ของ All sea son

ดังนั้นเมื่อเค้าลงทุนโฆษณาไปแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่ ต้องเอาทุนคืนครับ.

จึงจำเป็นต้องเก็บจาก คนที่เข้าไปทำธุรกิจนั่นเอง ถามว่า ภาระตรงนี้ไม่จ่ายได้ไหม

ได้ครับ แต่คุณก็ไม่มีรายชือ เมื่อไม่มีรายชื่อ คุณจะโทรไปขายให้แมวที่ไหนกิน ?

มีทางเลือกก็คือ คณต้องหารายชื่อเอง เช่น แจกใบปลิว นั่งส่งเมล์

แล้วไหนที่บอกว่าบริษัทจะมีรายชื่อให้ คอนเฟิร์ม ?

มีจริงครับ แต่คุณต้องเสียเงินซื้อเอาไหม ?

แฟนผมได้เงินมา งวดแรกจากการชวนเพื่อนมาเปิดแต้มได้ ประมาณ 2 หมื่น ผมก็ดีใจด้วย เพราะได้เงินมาคืนแล้ว

แต่แฟนผมบอกว่าจำเป็นต้อง นำเงินไปซื้อโฆษณา เพื่อจะได้รายชื่อมาโทร - - (กำ)

อ่ะไม่เป็นไร ผมก็คิดว่าเด่วก็ได้คืน

แต่ฝันร้ายมันกลับมาอีกครั้ง

เนื่องจาก HBL มีการประชุมที่เรียกว่า งาน เอ็กซ์ตราเวิลด์แคสซ่าที่ประเทศเกาหลี ผมนึกในใจ โห !!! มีประชุมระดับโลกด้วย Herbalife แจ๋วจริง

แต่ !!! คุณต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด (โอ้วจอร์จ)

ค่าตั๋วเครืองบินที่พักและอาหารเป็นเงิน 30000 กว่าบาท O_o

เปิดโปงกระบวนการหลอกลวงของบริษัทตัวแทนHerbalife

เราเป็นอีกคนที่หลงเข้าไปในวงจรอุบาตว์นั่น เลยขอเสนอเรื่องจริงดั่งต่อไปนี้


เราเสียเงินไปจะล้านแล้ว พอดี แฟนเราใช้ตัวเองสมัครเข้าไป(ยอมเสียเงิน)
แล้วดึงตัวเราออกมา

เรื่องต่อจากนี้คือ พอสมัครแล้ว จะต้องเสียเงินอีกยังไง
(รบกวนช่วยอ่านให้จบ เพราะกระบวนการนี้มีแค่ในประเทศไทยเท่านั้น)

เดือนแรกหลังจากที่สมัครไป เราหลอกคนได้อย่างที่เค้าสอน
เราได้เงินมา เกือบแสน แต่เงินนั้นต้องหมด เพราะซื้อสื่อโฆษณา
และUp เกรดสภาพตัวเองเพื่อจะหลอกคนได้เนียนกว่าเดิม
เดือนต่อมาได้อีก3หมื่น อันนี้หมดกับสื่อInternetล้วนๆ
ไอ้พวกที่บอกว่าซื้อของ กี่แต้ม ให้รายชื่อเท่านั้นเท่านี้ มันเป็นชื่อเก่า หรือไม่ก็ชื้อคัดทั้ง จะมีดีๆก็แค่1-2 ชื่อเท่านั้น
แล้วไอ้ 1-2 ชื่อน่ะ มันจะยอมให้เราหลอกรึเปล่าก็ไม่รู้ หลังจากนั้นได้เงินน้อยลงเรื่อยๆ จนไม่ได้เลย และยังต้องเอาเงินเก็บมาโปะอีก

สิ่งที่คนคิดจะได้จากการทำงาน
1.เวลาที่เป็นอิสระ แต่สิ่งที่ได้

- ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพราะต้องสอนคนที่เราหลอกมา บางคนสอนยากก็ต้องดูแลเค้าไป
- ประชุมอะไรนักไม่รู้ทุกวี่ทุกวัน ไม่ต้องหลับต้องนอน
- ถ้าไม่เข้า Office ก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรดีๆ (ไหนบอกว่าทำงานได้ทุกที่)
( Up line จะบอกแค่ว่าธุรกิจของเราเราต้องทำให้มันโต ไม่เสียสละ แล้วจะได้เงินหรอ)


2.รายได้ที่ไม่มีขีดจำกัด แต่สิ่งที่ได้

- เสียเงินลงทุนก้อนโต เพราะต้องซื้อตำแหน่ง ถ้าไม่ลงทุน Up line ก็ไม่ดูแล ปล่อยตามมีตามเกิด (จะไปให้ถึงฝันต้องลงเงิน)
- ต้องจ่ายค่า สื่อโฆษณา เริ่มต้น 15000 จนไม่สิ้นสุด อยู่ที่ว่าคุณจะยอมให้มันสูบเท่าไหร่ (รายชื่อที่ได้เป็นของใหม่ แต่มีดีไม่กี่ชื่อ ก็แม่งทำมาเป็น 10ปี คนเล่นเน็ตเค้ารู้หมด มีแต่ชื่อปลอม หรือชื่อหยาบคาย ทั้งนั้น คุณก็ต้องรับไป)ค่าเท่ากับเสียเงินเปล่า
- ต้องช่วยให้คนที่เรารับสมัครมาได้ขึ้นตำแหน่งซุป ถ้าUp line ของเราสัญญากับเค้าว่าจะช่วย (ถ้าเราหลอกคนมาจับคู่ขึ้นพร้อมเค้าไม่ได้ ต้องซื้อแต้มให้) เช่น ถ้าสมัครเดือนนี้ เปิด 2500 แต้มเป็นซุปเลย ถ้าเราหาอีกคนมาเปิด 2500
แต้มคู่ไม่ได้ เราต้องซื้อ1500 แต้มให้เค้าขึ้นคนเดียว[ถ้างงไปดูได้ว่าวิธีขึ้นซุปทำไงบ้างที่ Herbalife สำนักงานใหญ่]ส่วน Up line เรา ก็ซื้อเอาแต้มแล้วเอาของเก่าให้ทีมงานใหม่ที่ตัวเองรับเข้ามา
- การที่ Up line ต้องการให้เราผูกพันจึงทำดีสารพัด สุดท้ายเมื่อเค้าจะขึ้นตำแหน่ง ก็ให้เราช่วย เช่นซื้อของโอนแต้มให้ (เงินกูนะ แต่ตอนนั้นเพราะเชื่อใจว่ามันจะไม่หลอกกูเลยเต็มใจให้หลอก)
- จ่ายค่าบัตร How to make money ทุกอาทิตย์ เพื่อเป็นแกงค์ชุดดำ (ค่าบัตรเราต้องจ่ายกันเอง ไม่ใช่ เงินของคนที่เราชวนมาอย่างที่เข้าใจนะ เพราะอาหารจัดตามหัว เราจะกินก็ต้องจ่ายเหมือนกัน) แต่เซงเพราะต้องไปทุกอาทิตย์ ไม่ไป Up line เคือง
- จ่ายค่าบัตรเวลามีการอบรมอื่นๆ อีก ที่เค้าจัดขึ้น
- อื่นๆ อีก เราไม่รู้หลอกว่าจะต้องจ่ายอะไรอีก ถ้า Up line ชั้นสูงเค้าจัดโปรโมชั่น เพื่อหลอกคน

3.อยู่ในสังคมคนมีเงิน ไมต้องห่วงเรื่องการเงินอีก แต่สิ่งที่ได้

-เป็นหนี้เป็นสิน เพราะ Up line บอกว่าครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิต มันเป็นโอกาส(เราก็ต้องหาหูตาแหก)
-ต้องชวนคนรู้จัก เพราะ Up line บอกว่า ถ้าคนที่เรารู้จักไปเป็นทีมงานคนอื่นเราจะรู้สึกยังไง หรือเราไม่อยากเห็นเพื่อน คนรู้จักของเรามีชีวิตที่ดีหรอ ต้องชวนมา (เราก็เป็นคนนึงที่ถูกชวนด้วยวิธีนี้ เพราะหลอกง่ายกว่า แค่ถามเพื่อนว่า มึงได้จริงหรอ มันบอกจริงเราก็คิดว่ามันคงไม่หลอกเรา สุดท้ายเราก็ต้องทำแบบนี้กะเพื่อนคนอื่นของเรา)และคุณก็จะเสียเพื่อนของคุณไปตลอดชีวิต ส่วนไอ้คนที่ชวนเรามากันก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ เพราะมันก็เอาตัวไม่รอด

เราอยู่ในตำแหน่ง GET TEAM แต่ไม่มีความสุข อยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไป แฟนเราเลยเข้ามาแล้วหาทางรวมทั้งกล่อมเรา จนเรายอมถอนตัว ตอนนั้นเราเสียไปมาก ก็เลยอยากได้คืน แต่ยิ่งทำยิ่งมีแต่เสีย ตอนนี้เราออกมาได้1ปีละ แทบบ้า ดีที่ยังมีคนเข้าใจเราเลยเริ่มใหม่ได้

เรื่องจากนี้เป็นเรื่องจริง ขอให้ทำความเข้าใจ
- บริษัท Herbalife เป็นบริษัทที่ดี สินค้าดี (ตอนนี้เราเกลียดไอ้พวกนั้นเข้าใส้ แต่เราชอบผลิตภัณฑ์)ผลิตภัณฑ์ดี เราใช้ก็เห็นผล มันแพงจริง เพราะต้องจ่ายให้กับตัวแทนจำหน่ายราคาเลยแพงหูฉี่
- ในอเมริกา สิงคโปร แมกซิโก Herbalife เป็นที่ยอมรับของคนในประเทศอย่างมาก
- ในประเทศไทย Herbalife ทำการตลาดแบบหลอกลวงไม่จริงใจ ชื่อเสียงจึงเน่าเหม็น
- ส่วนทีมฟุตบอล LA Galaxy ที่แบคแฮมมาเล่นให้เพราะ การตลาดของ ไมเคิล โอ จอนสัน เค้าเก่งพัฒนาได้แต่ตัวแทนจำหน่ายของไทยนี่แหละทำเสียเรื่อง
- คุณ อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ มาเป็นพรีเซนเตอร์เพราะเค้ารับงาน พรีเซนเตอร์ แล้วใช้ผลิตภัณฑ์ ได้ผล ไม่เกี่ยวกับการหลอกลวงของตัวแทนจำหน่าย เพราะคุณอั้มเค้าทำงานของเค้า

ข้อแนะนำของคนชอบหรืออยากลองใช้ Herbalife
- สมัครสมาชิกแบบเอาส่วนลด ไม่ต้องตุนของ ค่าสมาชิกคือ1450บาท ในชุดสมาชิก มีเชคฯ 1กระปุกอยู่แล้วหลังจากนั้นคุณจะซื้ออะไรก็ได้ ลด 25%
- หาคนที่ใช้ Herbalife เหมือนกันเพื่อซื้อของร่วมกัน(มีบัตรสมาชิก) ซื้อมากขึ้นจะได้ส่วนลดมากขึ้น ตามแต้มที่ได้รับ
- ไปซื้อของเองที่สำนักงานใหญ่(มีบัตรสมาชิก) เพื่อจะได้ของใหม่จาก เคาเตอร์เลย ไม่ต้องผ่านตัวแทน
- คนที่ไม่เป็นสมาชิกจะไม่สามารถซื้อของได้ เค้าไม่ขาย แนะนำให้สมัครก่อน หาใครก็ได้ในนั้นบอกว่าอยากใช้ขอสมัครสมาชิก ถ้าเค้าเป็นตัวแทนเค้าจะรับให้คุณ(เพราะแต้มคุณจะเป้นแต้มเค้า เค้าต้องอยากได้อยู่แล้ว)
- เมื่อตัดสินใจใช้ Herbalifeแล้วต้อง ใจเย็นๆ เพราะจะค่อยๆเห็นผล ผลิตภัณฑ์เป็นของธรรมชาติ ไม่ใช่ยาผีบอกที่กินปุ๊บเห็นผลปั๊บ และต้องมีความอดทน Herbalife จะเห็นผลเป็นขั้นบันได คือ ลดแล้วจะนิ่ง แล้วจะลดอีกแล้วนิ่ง(พอลดแล้ว ร่างกายจะปรับสมดุล พอเข้าที่ก็จะลดอีก เป็นอย่างนี้เรื่อยๆ มันจึงปลอดภัยกับร่างกาย)พอได้น้ำหนักที่พอใจแล้วให้ทานต่ออีกระยะเพื่อให้สมดุลคงที่ หลังจากนั้นอยู่ที่การดูแลตัวเองแล้ว ถ้าปล่อยตัวทานเหมือนเดิม ต่อให้ยาวิเศษก็ช่วยคุณไม่ได้
สำหรับคนที่ทานเพื่อบำบัดและรักษาโรค ให้ทานต่อเนื่องจนอาการดีและหายในที่สุด

โรคที่สามารถบำบัดจนหายได้ด้วย Herbalife
เบาหวาน หัวใจ ความดัน หรือ โรคที่เกิดจากการกิน
แต่โรคที่รักษาไม่หายแน่ๆ แต่จะทำให้ร่างกายไม่ทรุดลงคือ
โรคไต เพราะทางแพทย์ยังทำให้ไตที่เสียแล้วกลับมาดีไม่ได้เลย ทางที่ดีคืออย่าให้เป็นหนักกว่าเดิม

ข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริง สอบถามจากผู้ที่เคยทำธุรกิจนี้ได้
และที่เราให้ข้อมูลนี้เพื่อ เป็นข้อมูลในการตัดสินใจของคนอ่านต่อไป





เครดิตเรื่องนี้จาก : sudaratt



นี้คือส่วนหนึ่งของผู้ที่ทำงานเครือข่ายในองค์กรของ ThaiCC

ร่วมด้วยช่วยกัน อย่าให้ธุรกิจเครือข่ายแบบผิดๆ ทำให้พวกเราตัวแทนที่ทำในทางเดินที่ถูกค้องและHerbalifeต้องเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้

ที่ไม่ดีไม่ใช่ Herbalife แต่เป็น จรรยาบรรของแม่ทีม



ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ


เฮอร์บาไลฟ์อันตราย..หลอกเอาเงินผมไป 50000 กว่าบาท..ระวัง เฮอร์บาไลฟ์หลอกลวงทั้งแก็งค์ [No. 0]

ผมโดนพวกที่ขายเฮอร์บาไลฟ์หลอกลวงเอาเงินไป 50000กว่าบาทแล้วครับเพื่อนๆ ถ้าไม่อยากโดนเหมือนผมนะอย่าไปยุ่งด้วยเด็ดขาดเลยครับเพื่อนๆ..อันตรายมากๆมันมีวิธีที่จะสามารถหลอกเอาเงินจากกระเป๋าคุณได้อย่าแนบเนียนมากที่สุด..เหมือนพวกสะกดจิต.....ทางที่ดีอย่าลองเด็ดขาด..ระวัง..อันตราย..เฮอร์บาไลฟ์หลอกลวงทั้งแก็งค์

มีพวกที่ขายเฮอร์บาไลฟ์มาโพสข้อความหลอกลวงในเวปนี้เยอะมาก..ระวัง..เฮอร์บาไลฟ์..อันตราย [No. 0]

ผมนี่โดนหลอกเอาเงินไป 50000กว่าบาทครับเพื่อนๆ..

พวกนี้มันมีวิธีที่จะหลอกเอาเงินจากคุณไปได้อย่าแนบเนียนมาก..ระวังอย่าไปหลงเชื่อมันนะครับเพื่อนๆเดี๋ยวจะต้องมานั่งเสียใจทีหลังอย่างผม พวกมันจะมีที่นัดรวมตัวกันตามที่ต่างๆเช่นที่ตึกเมอร์คิวรี่ตรงข้ามเซนทรัลชิดลมเป็นต้น..มีที่อื่นๆอีก ระวังให้ดีผมโดนมาแล้ว..ตกงานอยู่ยังต้องมาโดนพวกนรกนี้หลอกเอาเงินไปอีก..ซวยจิงเลย ไอ้พวกเฮอร์บาไลฟ์นรก..ระวัง อันตรายมาก มันคือ เฮอร์บาไลฟ์...

ต่อเนื่องจากกระทู้ด้านล่าง " คุณรู้จัก Herbalife"

ที่บอกไปว่า ต่อเนื่องจากกระทู้ด้านล่าง

เพราะมันมี การส่งอีเมล ให้กับคนอื่นๆๆ

เป็นเหมือนโฆษณา ชวนเชื่อว่าทำงานโดยแค่ส่งอินเตอร์เน็ต คุณก็ได้รับเงินเท่านี้ เท่านั้น

เข้าเรื่องของ ผมเลยละกัน

คือ คนที่รู้จักกัน จะไปทำงานประเภทขายอาหารเสริม ชื่อ Herbalife

แต่ต้องนำเงินไปลงทุน 40000 บาท แล้วจะได้ สินค้า มา11 ชุด

อยากจะถามว่า Herbalife นี้เพื่อนๆๆพี่ๆๆๆน้องๆๆ รู้จักกันหรือไม่

แล้วมันทำแล้วได้ผลตอบแทนจริงหรือไม่

ผมกลัวมันจะเป็นการหลอกลวง ขอความคิดเห็น ด้วยครับ

สุดท้าย บริษัท Herbalife โฆษณาว่า

แพนเค้ก เขมนิจ จามิการณ์ เป็น พรีเซนเตอร์

จริง หรือ เท็จ ยังไง บอกต่อกันด้วยนะครับ

รูปแบบใหม่ ของพวก HerBaLife

คุณรู้ไหมว่า "บ้านรักสุขภาพ" กะ "Healthy Breakfast" คือ HErbalife

ถ้าคุณเคยเห็น "บ้านรักสุขภาพ" กะ "Healthy Breakfast" นั้นแหละครับ พวก Hearbalife เอาเงินพวกที่มันหลอกมาได้ไปเช่าร้าน แล้ว เอา เชค มาปั่นขาย แก้วล่ะ 79 บาท มั้ง (ถ้าจำไม่ผิด)

ผมเคยเห็นที่ ท่าช้าง และ ท่าเรือ กรมเจ้าท่าครับ

เห็นแล้วก็เจ็บใจ เพราะเงินที่มันเอามาเปิดร้านก็ได้มาจาก ความหวังล้มๆแล้งๆที่มันให้คนอื่นแล้วหลอกเค้ามา จากความเครียดของคนอื่นที่มันทำให้พวกเขาต้องเป็น หนี้ และ ทะเลาะกับพ่อแม่ ไม่ก็ แฟน

ยังไงก็ อย่าเผลอไป สนับสนุนพวกนี้น่ะครับ (เพราะเงินที่มันเอามาเปิด ก็มาจากพวกเราบางคน)

ระวัง ผี herbalife และผี agel หลอก เอาง่ายๆๆ

อยากมีธุรกิจส่วนตัวไหม

อดีต นักศึกษา ปี 1 ขอตังค์พ่อแม่ใช้
ปัจจุบัน นักศึกษา ปี 2 ร าย ได้ 3 หมื่น กว่า / เดือน

อดีต พนักงานบริษัทฯ ร า ยได้ หมื่นเศษ
ปัจจุบัน รายได้ 1.5 แสน / เดือน

อดีต นักศึกษา ปี 4
ปัจจุบัน 12 ปียังไม่จบ ร าย ได้ 5 แสน / เดือน

คุณหละอยากมีธุรกิจส่วนตัวไหม

มันมีผี 2 ตัว ที่จะหลอก
ระวัง ผี herbalife และผี agel หลอก เอาง่ายๆๆ

พูดตรงๆเกี่ยวกับ Herbalife สำหรับคนที่ได้ไปฟังมา เข้ามาคุยได้!!

เราเป็นคนหนึ่งที่ทำงานกับ Herbalife แล้วประสบความสำเร็จ โดยทำงานผ่านระบบอินเตอร์เน็ต 100% สำหรับใครที่คิดว่า ไปฟัง ไปดู มาแล้วต้องลงทุน คิดได้เลย ขอให้คุณมีความสุขกับงานประจำละกัน เพราะว่างานประจำที่คุณต้องทำตอนนี้ ก็ต้องเลียขา เลียแข้ง เจ้านาย เพื่อจะได้เงินเดือน หรือเพิ่มเงินเดือน แต่สำหรับธุรกิจ Herbalife มันเป็นงานธุรกิจเจ้าของร้าน แต่แค่ไม่มีหน้าร้านให้คุณเท่านั้นเอง แล้วถ้าพวกคุณคิดว่า Herbalife ไม่ดีจริงๆ หรือ กินแล้วไม่เห็นผล คุณบินไปอเมริกา ดู แล้วจะรู้ว่า ผลิตภัณฑ์ Herbalife ทั้งหมด อยู่ในโรงพยาบาลอเมริกาเกือบทั้งพื้นที่เลยก็ว่าได้ แล้วยิ่งพวกคนอเมริกา หรือ พวก ยุโรป รัก Herbalife เท่าชีวิต เพราะมันช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง หรือ ดูดีได้จริง เราเป็นคนหนึ่ง ไม่ได้เข้าข้าง Herbalife แต่ว่าได้มาเจอกับตาตัวเอง แล้วรู้สึกว่า ดีจริงๆ สำหรับใครที่ไม่ได้เจอกับตาของตัวเอง แล้วมากล่าวหาว่า Herbalife ไม่ดีอย่างนู้น ไม่ดีอย่างนี้ แล้วทำไมคนทั้งโลก กิน Herbalife แล้วดีละ ขึ้นอยู่กับว่า คุณกินถูกวิธีหรือเปล่า หรือมีคนดูแลเป็นส่วนตัวไหม? แล้วมาเจอ Herbalife ตอนแรกคิดว่าไม่ดี ต้องลงทุนเป็นหมื่น เป็นแสน หลอกลวงเห็นๆ พูดตรงๆนะ ถ้า Herbalife ไม่ดีจริง รัฐบาลสิงคโปร์ไม่ถือหุ้น Herbalife หรอก หรือ เสื้อ LA Galaxy ไม่ติดหน้าเสื้อว่า Herbalife หรอก หรือไม่ Beckham ไม่มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ Herbalife หรอก ถ้างั้น พวกที่ ดังๆอย่าง Beckham คงโดนหลอกคนแรกแล้วละ ถ้าใครคิดว่า ไม่ดี บอกได้เลย ชาติ คุณไม่มีโอกาสที่จะดีได้หรอก พูดตรงๆ แล้วแต่ พวกคุณจะคิดแล้วกัน ผมไม่ได้ว่า Herbalife แต่ผมได้เห็นกับตาตัวเองจริงๆ ถ้าอยากรู้จริงๆว่าดีแค่ไหน แน่จริง คุณไปต่างประเทศได้เลย เช่น Maxico สิงคโปร์ หรือว่า ไต้หวัน หรือประเทศอเมริกา ก็ได้ แล้วคุณจะพบคำตอบเกี่ยวกับ Herbalife จริงๆเอง

" ทั้งรักทั้งเกลียด เฮอร์บาไลฟ์ " !! ถึงเวลา ที่จะทำอะไรเป็นรูปธรรมซักทีนะครับ

ใครเกลียด เฮอร์บาไลฟ์
ใครรัก เฮอร์บาไลฟ์

อ่านให้จบนะครับ

ผมเห็นในบอร์ดต่างๆ และในบอร์ดนี้ จะมีเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำซาก
ผมก็ มีเมลล์บันลือโลก เหล่านี้โผล่มา ซ้ำซากทุกวัน
ในบอร์ดนี้และพันทิป ก็มี คนเจ็บตัว ออกมาแฉ บ่อยครั้ง
ในบอร์ดนี้ ก็จะมี คนเพิ่งเข้าวงการผี ออกมา เหน็บแนมคนอื่นเป็นระยะ

ผมเข้าใจครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อยากให้เกิดแนวทางการป้องกัน ให้ข้อมูล กับคนที่คุณรัก คนที่หลงผิดให้เข้าใจอะไรๆให้มากขึ้น
และขอให้เป็นรูปธรรมนะครับ

ดังนั้น ผมขอความร่วมมือทุกคน นั่นคือ

นำข้อความของผมต่อไปนี้ ก๊อปปี้ ไป โพสบอกเล่าที่บอร์ดต่างๆ ให้ทุกคนได้เข้าใจมากขึ้น
และ เอาข้อความนี้ ส่งไป ถึง อีเมลล์ของคนที่คุณรักให้มากที่สุดครับ ให้คนไม่ต้องไปคลิก อ่านเมลล์ผีๆ
ไม่ต้องกรอกให้เสียเวลา ให้รู้เท่าทัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหงุดหงิดกับเรื่องเหล่านี้
**แต่อย่าไป สแปมเมลล์มั่วๆนะครับ เดี๋ยวผิดจรรยาบรรณและกฏหมาย**

ใครเห็นด้วย พิม V1 แล้วโพสแสดงความคิดเห็นในบอร์ดนี้เลยครับ
ใครไม่เห็นด้วย พิมV2 แล้วโพส จากนั้น กด alt +F4 ทันทีเลยนะครับ

-------------------------

ผมอยากให้ คนที่เข้ามาเข้าใจธุรกิจเครือข่ายเสียก่อนนะครับ

ธุรกิจนี้ ก็ถือเป็นขายตรงแบบหลายชั้น คอนเซปของมันคือการกระจายเครือข่ายให้ผู้ขับเคลื่อนได้รับผลตอบแทนหลายๆชั้น
แต่สิ่งที่ เฮอรบาไลฟ์ ต่างจาก ขายตรงอื่นๆ มันอยู่ตรงนี้ครับ

-ธุรกิจ ขายตรงทั่วไป เน้นขยายฐานผู้บริโภค
นั่นคือ ให้ผู้ บริโภคได้ เปลี่ยนที่ซื้อใช้ โดยไม่ต้องซื้อของมาหมุนเวียนมากนัก บริษัท เป็นฝ่าย สต๊อกของให้

-ธุรกิจ เฮอร์บาไลฟ์ คือการสร้างเครือข่ายผู้ขายปลีกขายส่ง
ดูได้จากการลงทุน ค่อนข้างสูง และต้องซื้อสินค้า ในปริมาณมากในทุกๆเดือน


ลักษณะของเฮอร์บาไลฟ์จะคล้าย กับ ร้านขายของทั่วไป (ยี่ปั้วขายส่ง ,มินิมาร์ท)ที่ต้องซื้อของมาหมุนเวียนทุกๆเดือนในปริมาณมาก
ดังนั้น คนทำเฮอร์บาไลฟ์ จึงต้องมีการสร้างลูกค้าประจำไว้ให้ได้ และส่วนมากจะสอนให้สร้างสถานที่ เป็นศูนย์กระจายสินค้าไว้
เช่น เช่าที่ในห้าง หรือเปิดร้าน ในนามของ บ้านรักสุขภาพ เฟรนไชน์อาหารเช้า เป็นต้น
การกระจายสินค้า สู่ลูกค้า นั้น มีหลายกลุ่ม หลายวิธี อาจจะลงโฆษณาในนิตยสาร เพื่อสร้างลูกค้า แต่ กลุ่มที่ผมมองว่า กระจายสินค้า ได้ดูดี ก็น่าจะเป็น กลุ่ม Healthy Brekfast (เฟรนไชน์อาหารเช้า) ครับ กลุ่มนี้เอา สินค้า มาปั่นให้รวมเข้ากับ ธัญญพืชด้วยส่วนผสมที่ fixไว้สร้างฐานลูกค้าปลีกเข้ามากินอย่างต่อเนื่อง ถ้าดูเผินๆ จะมองว่าเป็นร้านอาหารแนวใหม่ แต่ใช้สินค้าของเฮอร์บาไลฟ์เท่านั้นเอง เมื่อลูกค้าประจำสนใจ ก็อาจซื้อไปผสมเองที่บ้านได้ หรือสนใจอยากขยายเอง ค่อยมาสมัคร ไปลงทุนเปิดตามแต่สะดวก


คอนเซปของเฮอร์บาไลฟ์ ไม่ผิดนะครับ
ไม่ผิดที่ ต้องการสร้างสินค้าคุณภาพ ระดับโลก และขยายเฟรนไชน์ในรูปแบบขายตรงแบบนี้

แต่

ที่ผิด คือ การเจาะกลุ่มตลาดครับ


เนื่องจาก การลงทุนแบบนี้ ใช้เงินสูงครับ และบานปลายมาก
จึงควรจะไปแนะนำ คนที่เหมาะกับมาลงทุนทำธุรกิจครับ
แต่ด้วยความที่ ขายตรงทุกวันนี้ มีเกิดขึ้นมากมาย และ ลงทุนน้อยกว่า สินค้าก็มีคุณภาพพอกัน
คนที่อยู่ในวงการนี้ สามารถเลือกได้ครับ ว่าจะทำบริษัทไหน
ถ้าไปชวน คนทำขายตรงอยู่แล้ว ไม่มีใคร คิดจะมาร่วมทำธุรกิจกับเฮอร์บาไลฟ์หรอกครับ


ทุกวันนี้ คนทำเฮอร์บาไลฟ์จึงต้องไปเจาะตลาดกับคนที่ ใหม่ก็วงการแบบนี้นั้นคือ นักศึกษา
หรือคนไม่มีตัวเลือก อย่างคนตกงาน
ซึ่งจะเห็นได้ว่า ที่ผมบอกว่าเจาะกลุ่มผิดนั้น คือ ไปเจาะกลุ่มคนที่ไม่มีรายได้และว่างงาน
แต่ในทางกลับกัน ตัวธุรกิจกลับลงทุนสูง
และที่สำคัญคือ คนกลุ่มนี้ ไม่มีประสบการณ์แม้แต่ทำงานประจำ จะมีประการณ์เกี่ยวกับ ธุรกิจที่ลงทุนสูงได้อย่างไร

--สำหรับที่เป็นนักศึกษา เค้าอาจจะเปิดใจง่ายครับ เนื่องจากไม่เคยรู้จักบริษัทขายตรงที่อื่น และ เครืยดว่า จบมาแล้วจะได้งานหรือไม่ เมื่อเค้าเห็นตัวอย่างในห้องประชุม ก็เปิดใจง่ายๆเลยล่ะ
--สำหรับ นักศึกษา ที่เพิ่งเรียนจบ ก็เช่นกัน ปัจจุบัน หางานยากมากครับ ธรรมชาติ คนที่ไม่ได้อะไรง่าย ๆ จะเริ่มเกลียดสิ่งนั้นครับ
ยิ่งเมื่อถูกปลูกฝังจากที่ประชุม ในองกรนั้น ว่างานประจำไม่มีทางรวย คนทำงานประจำนั้นโง่ ไม่มีศักดิ์ศรีและ ตัวเองกำลังค้นพบกับทางสว่างที่หลายๆคนมองไม่เห็นครับ (ความจริงเค้าเห็นแล้วล่ะแต่เค้าเมิน)


คนกลุ่มนี้ ไม่มีประสบการณ์มาก่อน มีคนบอกอะไรก็เชื่อง่ายๆครับ อีกทั้งอยู่ในบรรยากาศ จะเป็นลักษณะจิตวิทยาหมู่ด้วย
ถ้ามี5คน เห็นด้วยที่จะลงทุนซะ3คน อีก2คนก็ต้องอยากลงทุนเช่นกันครับ
ธรรมชาติคน เมื่อลงทุนไปแล้ว ต้องรีบถอนทุนครับ ทำให้ เด็กๆเหล่านี้ ทำผิดทำถูก และล้มเลิกไปในที่สุด
และที่แย่ที่สุดนั้น มีการสอนให้เด็กเหล่านี้ ไปขอเงิน ผู้ปกครองในวิธีการ ผิดๆด้วย
มีหลายคนที่ รู้สึกเสียใจ สำนึกภายหลัง ถือเป็นบทเรียนราคาแพงเลยทึเดียว


---------------------




-สิ่งที่ผมอยากบอกพวกคุณผีๆทั้งหลายครับ

จะธุรกิจอะไร หรืองานประจำ มันก็มีดีในตัวของมันครับ
คุณจะมีรายได้จากเฮอร์บาไลฟ์มากแค่ไหน แต่ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่สต๊อกสินค้า ไม่มีเจ้าหน้าที่ จัดแจงบัญชี
แล้วคุณจะมีรายได้จากอะไร เอาสินค้ามาจากไหน
ดังนั้น ควรจะเข้าใจในระบบนิเวศน์เหล่านี้นะครับ ทุกสังคม มีนายจ้างมีลูกจ้าง
ทุกสังคมมี คนทำงานประจำ และ คนค้าขายประกอบ ธุรกิจส่วนตัว
การที่ นักศึกษา จบมา เข้ามาอยู่ในโลกของเฮอร์บาไลฟ์ แล้วไป เหน็บแนมอาชีพอื่น หรือก้าวเร้าใส่ผู้อื่นนั้น
สิ่งที่เสียนั่นคือ ภาพลักษณ์ของเฮอร์บาไลฟ์นั้นเอง


ว่าด้วยเรื่องของคอนเซป ของธุรกิจเครือข่าย
ธุรกิจนี้ ใครทำบริษัทไหน เค้าก็ว่าดีครับ
แต่สำหรับคนทำเฮอร์บาไลฟ์แล้ว มักจะเอาบริษัทของตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางเสมอ เช่น

-เฮอร์บาไลฟ์ ลงทุนสูงก็จริง แต่ ขายปลึกได้ส่วนลด ถึง50% ในขณะที่บริษัทขายตรงอื่น ลดแค่ไม่เกิน 30%
อยากจะบอกเหลือเกินครับ ว่าธุรกิจอื่นเค้าไม่เน้นขายปลีก เค้าเน้นสร้างสายงาน ดังนั้นอย่าผาดีใจกับรายได้ตรงนี้นักเลย
ถ้าโฟกัส กำไรขายปลึกผมว่า ไป เปิดร้าน ขายกาแฟสดก็ได้นะ
อีกอย่าง สินค้าเฮอร์บาไลฟ์ ลดราคาล้างสต๊อก มีให้เห็นในอินเตอร์เนตทุกวัน ไม่จำเป็นต้องไปลงทุนแสนปิดซูปเลยครับ

-เฮอร์บาไลฟ์ ใหญ่โต มั่นคง เรื่องนี้ไม่มีใครเถียงครับ สินค้าดีมากด้วย แต่ บริษัทอื่นที่ยังไม่มีสาขาหลายประเทศ ไม่ได้แปลว่า บริษัทเค้าแย่นะครับ และ ชอบมาเคลมกันเหลือเกินว่าทำไม่กี่เดือนได้หลายหมื่นแล้ว
เอามาจากไหนครับ มาจากขายปลีกหรือเปล่า ต่อให้ไม่ใช่ ก็อยากให้ลองเทียบกับอัตราส่วนต่าง ของเงินทุน ได้กี่% ครับ
บริษัท เค้าได้มากกว่าหลายเท่าตัว นี่คือเรื่องจริง

-ธุรกิจเฮอร์บาไลฟ์ทุกวันนี้ เน้น ระบบ ออนไลน์แทบจะ 100% ซึ่งบริษัทอื่นๆเค้าสอนให้ทำงานพื้นฐานครับ
การทำงานพื้นฐาน มีผลลัพธ์ คล้าย กับ เด็กเข้าเรียนในชั้นประถมจนจบ ปริญญาตรีครับ นั่นคือมีการพัฒนาตัวเองทั้งความรู้ ความคิด บุคลิกภาพและจิตวิญญาณ
ซึ่งแตกต่างจาก คนที่เน้นหาคนมาลงทุนไปเรื่อยทางเน็ต แบบนี้ทำไปกี่ปีก็ไม่มีอะไรพัฒนาครับ ได้แต่เงิน อย่าคิดเรียกตัวเองว่านักธุรกิจครับ มันไม่คู่ควร
แผนธุรกิจไม่ผิด แต่ผิดที่วิธีการครับ

-ระบบในธุรกิจเครือข่าย คือระบบขับเคลื่อน กลั่นกรอง ให้ความรู้ ให้ทุกคนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาตัวเองได้ โดยที่ เริ่มต้นแบบเดียวกันครับ
แต่ การบอมเมลล์ส่งข้อมูลให้ทางเมลล์ ให้คนอื่นกรอกแล้วติดต่อกลับ สิ่งเหล่านี้ เค้าเรียกว่า สื่อครับ ไม่ใช่ระบบ

-การเชิญคนเข้าร่วมธุรกิจ มีวิธีการทีถูกต้องครับ
การเชิญมีแบบเปิดและแบบปิด
แต่การเชิญคนเข้าร่วมธุรกิจของพวกคุณเข้าข่ายหลอกลวงครับ ไม่ใช่การเชิญแบบปิด

-เฮอร์บาไลฟ์ ต้องทำสื่อโฆษณา ตามนิตยสารครับ เนื่องจาก ต้องเป็นผู้ขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องสร้างฐานผู้บริโภคตลอดเวลา(ระบายของ)
แต่บริษัทอื่นๆ จะเป็นการสร้างผู้บริโภค ขยายผู้บริโภคเลย ซึ่งจุดนี้จะต่างกัน


---------------------



สารพัดบริษัทลวงโลก

Best small business
NewBizWorkThailand
International GB Advertising
International GB
International
Global it support
Global media online
Capital media online
capital it worldwide
Bangkok Nutrition Academy (BNA)

ล่าสุด magazine online (เน้นเหลือเกิน ว่า ไม่ใช่ บริษัทขายตรง)



ฯลฯ

-บริษัทเหล่านี้ ก็กลุ่มเดียวกันนั่นล่ะครับ แต่เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ
บริษัทเหล่านี้ ตั้งขึ้นเองทั้งสิ้นครับ ไม่มีตัวตน แต่ชอบอ้างเหลือเกินว่า ทำสื่อออนไลน์ให้กับบริษัททั่วโลก มีสาขาหลายสิบประเทศ (ความจริงที่มีสาขาหลายสิบประเทศคือ เฮอร์บาไลฟ์)
ให้ถามไปเลยครับ ว่า ทำให้บริษัทอะไรบ้าง และที่ว่าทำให้หลายบริษัท มีให้ดูในอินเตอร์เนตมั้ย ?
บอกว่าให้ประชาสัมพันธ์ทางเน็ต ก็ต้องมีเวบของบริษัทสิ

-คนของกลุ่มนี้ จะถามคุณก่อนเลยครับ ว่า ได้กรอก ข้อมูล สนใจทำงานผ่านอินเตอร์เนตหรือเปล่า มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาแล้วรึยัง
ให้ตอบไปว่า ติดต่อมาแล้ว ปฏิเสธ ไปแล้ว (คอยดูมุขต่อไปครับ)


-บริษัทนี้มักจะอยู่ ตึก ออลซีซั่น หรือ ไทยซีซี ซึ่งถ้าเค้านัดคุณ ให้ถามไปเลยครับว่า ชั้นไหน
ถ้าตอบว่าหลายชั้น ก็บอกไปเลยครับ ว่า " ชั้นไหนๆๆๆๆๆๆ" นัดคนแล้วไม่บอกชั้น เป็นเรื่องเสียมารยาทมาก

-คนที่โทรมานัด มักบอกว่าตัวเอง มีหน้าที่แจ้งนัดเท่านั้น หรือบอกว่าเป็นฝ่ายบุคคล ให้ถามไปเยอะๆครับ ว่า เฮอร์บาไลฟ์หรือเปล่าๆ
ไม่ตอบก็ถามจนกว่าจะตอบ เป็นเจ้าหน้าที่ บริษัทตัวเองยังไม่รู้ชื่อเลยหรือไง?

-คนบริษัทนี้ มักเน้นว่า มีดารามาเป็น พรีเซนเตอร์ และยกตัวอย่าง อั้มกับแพนเค้ก
ให้บอกไปเลยครับ ว่าเป็นเพื่อนแพนเค้ก แพนเค้ก บอกว่า มีบริษัท มิชฉาชีพ แอบอ้างบ่อยๆ กำลังรวบรวมหลักฐานเตรียมแจ้งความแล้ว
(เชื่อผมเถอะเค้าจะย้อนคุณกลับ แล้วคุณจะได้เห็นวุฒืภาวะของคนๆนั้น)

-คนบริษัทนี้ มักจะเน้น คำพูดสคริป เพื่อตัดบทคุณครับ เค้าจะใช้เมื่อตอบคำถามไม่ได้ เช่น "งานของเรา เป็น การโพสเวบบอร์ด ส่งอีเมลล์ บลาๆๆๆ"
และจบลงด้วย คำว่า " คิดว่าทำได้หรือเปล่าครับ/ค่ะ"
ตอบไปเลยครับ "ว่าทำไม่ได้ "(มันง่ายไป)

-ถ้าเค้านัดให้เราเข้าไป และย้ำให้เราแต่งตัวสุภาพ เอาสมุดปากกาไปด้วย และรักษาคำพูดด้วย
ให้ตอบไปเลยว่า เราเป็นคนที่เลือกว่าจะทำ ไม่ใช่ให้คนมาเลือกเรา ใช้คำพูดลักษณะนี้ ถือว่าเสียมารยาทมาก

-เรื่องสถานที่นั้น การใช้ตึกหรู อย่่าง ออล ซีซั่น ไม่ได้บ่งบอกว่า เป็นองกรที่ดีได้ บอกได้แค่ว่ามีเงินจ่ายค่าเช่าเท่านั้นเอง
ตึกออลซีซั่น นั้น เป็นที่เช่า สำหรับ บริษัทต่างๆมากมาย ไม่ได้เป็นตึกของ องกรเฮอร์บาไลฟ์แต่อย่างใด




ข้อมูลเพิ่มเติม http://herbalife.smf4u.com
--------------------------------------------


ที่โพสมานี่ บางที อาจมีคนคิดว่าแรงไป แต่ถ้าไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่อ ก็ส่งให้คนที่คุณรักเถอะครับ
ให้คนกลุ่มนี้ ขยายงานด้วยวิธีนี้ไม่ได้อีก

แล้วอย่าลืม แนบลิงค์เวบนี้นะครับ


ผมหวังว่า
คนที่เกลียดเฮอร์บาไลฟ์ จะเข้าใจที่มาที่ไปมากขี้นนะครับ
คนที่รักเฮอร์บาไลฟ์ ก็เข้าใจซะนะครับ ว่าทำไม คนส่วนมากถึงเกลียด

ประสบการณ์ ที่โดนเฮอร์บาไลน์หลอก

ดีมากคับ ที่มีเว็บแบบนี้คับ ขอเล่าเรื่องที่เคยโดนมาคับ
1.ผมก็ม่องเนต ผ่านเว้บไซท์ไทยแวร์ แล้วก็ไปเห้นป้าย ว่าทำงานผ่านเนต ได้เดือนละ สองแสน มีวิดีโอ ให้ดู มาทราบภายหลัง ว่า นายสน นั่นเอง นานสน เองเป็นขบวนการ ของเฮอร์บาไลน์ ครับ
2.พอกรอกข้อมูล ไปอีก แล้วก็โดนโทรตาม ให้ไปฟังที่ ตึกไทบยซีๆๆ สาทร
3.ไป วันนั้คนเยอะมากเป็นพันยได้ มาจากต่างจังหวัดก็มี ก็ เกลี้ยกล่อม ว่าได้เป็นแสน เป็นล้าน ทำให้เราโลภ.
4.อีกวัน ขอเก็บตัง 500 ไปอบรม ต่อที่โรงแรม แถวเพพชรบุรี.
5.กล่อม ว่า ถ้าอยากได้ เงินล้าน ต้องจ่ายซื้อของ 120000 ใช่คับ หนึ่งแสนสองหมื่นบาท เพื่อปิดซุป ถ้าใคไม่มีก็บอกไห้ไปกู้มา พูดๆไปพูดมา ผมไม่มีก็ขอ ลด เหลือ 7 หมื่น ผมบอกไม่มี สุดื้ายมันบอก 3หมื่นก็ได้ หหุหุหุ
สุดท้าย ผมเผ่น ครับ เลย รอด

มีเว็บเปิดโปงธุรกิจ MLM บางอย่าง เช่น herbalife angle มาฝาก

มีเว็บเปิดโปงธุรกิจ MLM บางอย่าง เช่น herbalife angle มาฝาก
http://herbalife.smf4u.com/

ผมชอบมาก เพราะตีแผ่เรื่องจริง
บางเรื่องผมโดนมาแล้วด้วย

เตือนภัยผู้ทานเฮอร์บาไลฟ์ ระวังผลข้างเคียง

ไปอ่านจากเวปพันทิพย์มาก็เลยจะเอามาให้อ่านกัน

ความคิดเห็นที่ 2

เคยทานนะยี่ห้อนี้ มีอาการใจสั่น มึนๆเลยรีบเลิกทาน ชักไม่แน่ใจว่ามันเป็นอาหารเสริมจริงหรือ หันมาออกกำลัง ทานให้น้อยดีกว่าค่ะ ไม่เสียตังค์ไม่เสียสุขภาพด้วย

จากคุณ : พูษรี
เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:22:28

ความคิดเห็นที่ 22
อยากบอก กระทู้ที่ 2 เรานะทั้งกินและขายเลย โลภมาก กินติดมา 6 เดือน

เพื่อจะได้ พรีเซ็นต์ขายได้ ได้ผล ผอมสวย ผิวพรรณดีมาก แต่ปรากฎว่า

ไอ้ ชา กับ บอตา และเม็ดเหลี่ยม มันเล่นกระตุ้นต่อมไทรอยด์จนทำงาไม่

ปกติเลย เริ่มแรก อาการเราใจสั่น มือสั่น และที่สำคัญ เหนื่อยง่ายมาก

เหงื่อไหลเยอะมาก ทั้งที่ไม่ร้อนอะไร เดาว่าชาเขียว มันเผาผลาญให้

หลังจากนั้นคนทัก ทำไมคอโป่งออก แถมมีอาการเท้าบวมน้ำด้วย

ไปหาหมอด่วน สรุปต้องผ่าคอออก เพราะเกิดเป็นโรคไฮเปอร์ไทรอยด์

แถมที่สำคัญ โมโหง่าย คนรอบข้างหนีเกือบหมด

อยากฝากเตือน ทุกคนที่ผ่านมาอ่าน บอกเป็นวิทยาทาน ไอ้ยี่ห้อนี้เกือบ

ทำเราตายมาแล้ว ลงทุนไปแสนกว่า ได้จริงทั้งรอยผ่าคอ สามีเกือบเลิก

เพราะทนอาการบ้าไม่ไหว ดีที่บุญยังมี หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรค แฟนเข้าใจ

สุดท้าย เสียทั้งตัว และตังค์

สุขภาพดีไม่มีที่ไหน อยากได้ต้องทำเอง อย่าหวังพึ่งอาหารเสริม ชวนเชื่อ

เลยคะ

จากคุณ : ผู้ก่อการดี
เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 10:57:23 A:58.8.154.209 X: TicketID:224973

ความคิดเห็นที่ 23

เสริมคนที่อวยยี่ห้อนี้ ไม่ได้แอนตี้อะไรมาก แค่อยากบอกว่า ระวัง

มันไปกระตุ้นต่อมและรบกวนระบบภายในร่างกายเราให้ทำงานผิดปกติ

บางคนและคิดว่าหลายคน อาจเป็นยิ่งกว่าเรา ขอเตือนใครกินอยู่หรือคิดจะ

เริ่ม ให้เลิกเถอะคะ ด้วยความหวังดีจริง จะเชื่อไม่เชื่อไม่รู้นะ


เราว่าสูตรของเช็ค

เอามาปรับเองดีไหม เราว่าน่าอร่อยและไม่มีพิษภัย ที่สำคัญ

ถ้าใครกินจริง เราะถามหน่อย มันแทบไม่ให้เราได้แตะอาหารปกติเลย

ให้กิน แต่ของเค้า

คิดยังไง คนหายโง่อย่าง เรา มันต้องผอมแน่นอนอยู่แล้ว รึไม่จริง

ส่วนเรื่องผิวพรรณ เส้นผม เล็บแข็งแรง เราว่าจริง
แต่ดูแล้ว การอดอาหาร คือการดีท๊อก ร่างกาย หรือการล้างลำไส้ให้ดูดซึม

ดีขึ้น ทำให้ร่างกายเราทำงานได้สมดุลย์มากกว่า

เพราะงั้น ลองเปลี่ยนดูไหม

เช่น ทานแต่ผักผลไม้เป็นหลัก

เลียนแบบเช็ครสช๊อกโกแล๊ต

เอาไมโล + กล้วยหอม + นมสด+ นมข้นหวาน + ปั่นกับน้ำแข็งเกล็ด

ดื่มได้ตอนเช้า เคยทำ รสชาติ ออกมาแทบไม่ต่างจากเช็ค

ที่นี้ตลอดวัน ก็ลอง น้ำเปล่า องุ่น สัก 2 - 3 เม็ด

อาหารก็อย่ากินหนัก เน้น ผัก สลัด ยำ ต้มยำ ก๋วยเตี๋ยว

คือง่าย ๆ เน้นอาหารเบา แต่มีน้ำเป็นส่วนผสม

พร้อมออกกำลังกายแบบแอโรบิกเซ็ท คูลดาวน์ด้วยโยคะ
และยกเวทเพื่อกระชับกล้ามเนื้อด้วย

เราว่าทางไม่ลัด ทางนี้น่าจะดีกว่าและประหยัดเงินที่จะซื้อเฮอร์ ได้เยอะ

แถมสุขภาพดี ไม่มีโรค ถามแบบเราด้วย

ปล. หลังจากเราผ่าคอเสร็จ เราฮึดเลยออกกำลัง + สูตรอาหารที่กินด้านบน


อ้อ ใครไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่ทุกวันนี้ เรายังมีเฮอร์หมดอายุ เต็มบ้านอยู่เป็นลัง
ครบสูตรเลยแหละ และไม่รู้ว่าจะแปรรูปมันไปทำประโยนชนอะไรได้

ใครถามว่าทำไมไม่ขายคืน บ ไป เราบอก มันคืนให้ 50 % ใครทำใจได้บ้าง

อีกอย่างไปขายคนอื่น เราขอย้ำ นะ เรากลัว เราไปทำบาปกับเพื่อนที่เขาไม่

รู้อิโหน่อิเหน่ เกิดเป็นอย่างเรา เราคงแย่แน่ ไหนจะมองหน้าไม่ติด

ไหนอาจจะต้องตามรักษา

สุดท้ายใครจะลองอะไรพวกนี้ อย่างหนึ่งนะ ขอให้คุณพบแพทย์ประจำตัว
สักหน่อยก่อน จะกินอะไรที่ไม่ใช้อาหารจริง เข้าไป

ถามก่อนไม่เสียหลาย ดีกว่าเราเจ็บตัวและเจ็บใจมาก นี้ผ่านมาเกือบ 3 ปี

เราบอกเลยว่าไม่ลืมเรื่องนี้ อีกอย่างที่เก็บไว้ให้เตือนตัวเอง อย่าโง่หลงเชื่อ

อะไรที่ได้มาเร็ว ได้มาฟรีไม่มีในโลกนี้จริง ๆ

จากคุณ : ผู้ก่อการดี
เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 11:13:22 A:58.8.154.209 X: TicketID:224973

ความคิดเห็นที่ 25

อ่าน คห.22 ของ "คุณผู้ก่อการดี" แล้วคิดว่าพรุ่งนี้เราจะเลิกกินชาเผาผลาญ
แล้วคะ เพราะเรามีอาการเหมือนที่คุณบอกจริงๆ คือกินแล้วมันจะร้อนวูบๆ
ข้างใน ใจสั่น เหนื่อย ขนาดนั่งเฉยๆยังเหนื่อยเลย ไม่ต้องคิดว่าจะไปทำ
อะไรออกแรงอื่นๆ วันก่อนกินชาแล้วพาแม่ไปช๊อปปิ้ง ปรากฏว่ายกของให้
แม่ไม่ไหว ซึ่งปกติเคยยกได้ ต้องนั่งแผ่ตรงบันไดห้างเลยคะ

ส่วนเมื่อคืน เราเผลอใส่ชาเกินปกติไป 1 เท่าตัว ปรากฏว่านอนไม่หลับทั้ง
คืน กว่าจะหลับปาไปตี 5 ใจสั่น คลื่นไส้ หิวน้ำตลอดคืน หิวอาหารตลอดคืน
แต่ก็กินอาหารไม่ได้ เพราะเขาไม่ให้กิน คนขายบอกว่ามันเหมือนกับเราไป
วิ่งมา 10 กิโล ถามว่าดีไหม ก็อาจจะลดเร็วนะ แต่ระบบภายในมันจะ
แปรปรวนนะซิ ที่เคยเผาผลาญเองได้ คราวนี้ต่อมไทรอยด์ก็จะงง
อาจจะหยุดทำงานไปเฉยๆแบบที่ คห. 22 บอก

เรากินชามาทั้งหมด 15 วันแล้ว เห็นทีต้องเลิกกันคราวนี้
คงเหลือแต่กินเชคอย่างเดียว เพราะน่าจะไม่มีพิษมีภัยอะไร
พอเชคหมดก็คงจะปรับสูตรเหมือนที่ คุณผู้ก่อการดี บอกคะ

จากคุณ : moselle
เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 22:46:42

ความคิดเห็นที่ 31

ตอนแรกว่าจะไม่เขียนอีกแต่ ก็ดีใจที่ข้อความของเราแม้จะเปลี่ยนความคิด
ใครไม่ได้ แต่ก็ทำให้หลาย ๆ คนได้คิด ก่อนกินอะไรลงไป

บอก คห 27 นะคะ ตัวอันตรายที่สุดของผลิตภัณณ์ นี่คือพวกชาคะ เพราะมัน
มีฤทธิ เผาผลาญและเร่งให้ร่างกายทำความร้อนเหมือนยาลดความอ้วน ที่
อันตรายทั่วไปนะแหละ แต่ของเรานะ คิดครบสูตรกว่าอีก มันมีชาที่เรียกว่า
yellow หรืออะไรอีกตัวที่ผิวขาดน้ำ แถมน้ำมันปลา อีก เรียกว่าครบสูตร

แต่ที่สำคัญแม่ทีมบอก ว่าอยากผอมไวให้ทานชาเขียว เยอะ ๆ เราก็จัดให้

อยากสวยเร็วไงคะ อาการเริ่มแรกนะคะ งานแทบไม่ต้องทำ เพราะฉี่ตลอด

จนเกิดเรื่องใหญ่และไปหาหมอ บอก น้องตัวน้องนะบวมน้ำนะ และที่ร่างกาย
มันฉี่ตลอดเพราะพยายามสร้างสมดุลย์ให้ตัวคุณอยู่ คุณไปกินอะไร กวนระ
บบ การทำงานหรือเปล่า เรื่องทุกอย่างมันเลยแดงและกระจ่างแจ้งสำหรับ

บอกตรง ๆ เราโครตอายหมอ เพราะโรคไทรอยย์ ไม่ใช่อยู่ ๆ เป็นง่าย ๆ ที่
สำคัญสุด ๆ เกือบเป็นไตด้วย เพราะเท้าบวมมากเหมือนคนท้องเลย
เพราะทำไม ไตคือหน้าที่ล้างขับพิษ และสะสมพิษไว้ มันช่วยเราสุด ๆ
จนไม่ไหวให้เราไปฉี่ออก จนอาการบวมตามร่างกายเกิดขึ้น อ้อมีอาการคัน
แบบลมพิษขึ้นตามตัวอีกด้วยบอกตรง ๆ ทรมาณมาก เพระเกิดมา นอกจาก

อ้วนเราและครอบครัวไม่เคยมีกรรมพันธ์ของโรคเหล่านี้เลย

ใครผ่านมาอ่านขอเตือนและย้ำว่าพวกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ เราไม่ได้
ขวางคุณถ้าใครจะไปทางลัดนี้ แต่ขอให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทานอะไรลงไป
ที่สำคัญตรวจสุขภาพก่อนกินอย่างละเอียดจะดีมาก เพราะของพวกนี้บางที
อาจไปกระตุ้นให้บางอย่างแทนที่จะไม่เป็นเป็นซะได้

พอดีเรารอดแล้ว เลยอยากเตือน คนที่ร่วมชะตากรรมใหม่ ให้คิดตรองก่อน
ดีดีคะ แต่ถ้าจริง คุณทานแต่อิ่ม ออกกำลังสม่ำเสมอ ผิวพรรณหน้าตาคุณ
ก็สดใสแน่นอน โดยไม่ต้องพึ่งพวกนี้ให้เปลือง ที่สำคัญดูแลสุขภาพจิตของ
เราให้ดีทุก ๆวัน สวยจากภายในไงคะ

จากคุณ : ผู้ก่อการดี
เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 52 12:25:34 A:58.8.151.180 X: TicketID:224973

Amway Amway Amway ใครว่าของดี

1 . แอมเวย์มีสมาชิก...ที่ยังคงอยู่ ประมาณ 7-8 แสนคน (แต่ไม่ต่อสมาชิกแล้วประมาณ 1 เท่าตัว )ซึ่งดูจากหมายเลขสมาชิกปัจจุบันน่าจะประมาณ 2 ล้านกว่า ๆโดยแอมเวย์เก็บเงินค่าสมาชิกปีละ 900 บาท เมื่อคูณด้วยจำนวนสมาชิกราว ๆ 7 แสนคน ก็หมายความว่า แอมเวย์ได้เงิน ″ค่าสมาชิก″ไปแล้วประมาณ 600 ล้านบาท การที่แอมเวย์ซื้อพันธบัตรรัฐบาลแค่ 1 ล้าน กับ

จ่ายเงินให้กองทุนต่าง ๆ เพื่อเอารูปมาลงเป็นการโฆษณา ″ความดีงาม″ ของตนเองสัก 80 ล้าน(จริง ๆ แล้วไม่ถึง 50ล้าน) จึงถือว่าจิ๊บจ๊อยมากเมื่อเทียบกับ ″เงินกินเปล่า″ ที่เก็บไป

2. แอมเวย์ใช้วัสดุรีไซเคิลมาทำเป็น *** บห่อ เช่น ขวดต่าง ๆ หรือหลอดยาสีฟันก็ไม่ได้หมายความว่า แอมเวย์ช่วยกำจัดขยะหรือลดขยะ เนื่องจากพัสดุ *** บห่อนั้น ๆ ″มาจากอเมริกา″ หรือหมายความว่า แอมเวย์ช่วยกำจัดขยะ ″จากอเมริกา″ ไปไว้ที่ต่าง ๆ ในโลก แอมเวย์ไม่มีโรงงานทำบรรจุภัณฑ์ หรือสั่งซื้อ *** บห่อในประเทศอื่นครับ

3. แอมเวย์มักบอกว่าตัวเอง ″ไม่มีโฆษณา″เพื่อลดต้นทุนส่วนที่ไม่จำเป็นให้ผู้ซื้อ แล้ว ไอ้รูปสาวหน้าหมวย ๆ บีบยาสีฟันครึ่งหน้าของหนังสือพิมพ์หลายฉบับหลายวัน...แปลว่าอะไร โฆษณาใน TV...แปลว่าอะไรล่ะครับ

4. การโฆษณาของแอมเวย์เป็นซอฟท์เซลล์ สร้างความรู้สึกว่าคนใช้แอมเวย์เป็นคนประหยัด...เช่นซื้อรองเท้าเผื่อให้ลูก 1 เบอร์ เลือกเสื้อผ้าตัวใหญ่ ๆ ฯลฯ ...อยากถามว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็น″เฉพาะ″ผู้ใช้แอมเวย์หรือครับ อันที่จริงคนไทยเราก็ทำอย่างนี้มานานตั้งแต่ก่อนแอมเวย์เข้ามาเมืองไทยเสีย อีก เช่น เราใช้ยาสีฟันจนหยดสุดท้าย (แม้แต่แปรงสีฟันยี่ห้อนึงยังออกแบบมาให้ใช้ ″รีด″ ยาสีฟันได้เสียด้วยซ้ำ...ซึ่งแปรงสีฟันยี่ห้อนั้นก็ไม่ใช่ของแอมเวย์)...อันนี้อยากถามว่าแอมเวย์ ″ฉกฉวย″ วัฒนธรรมที่มีอยู่ก่อนเก่าไปเป็นของตัวเองรึเปล่า...ไม่มีปัญญาสร้างสรรความคิดใหม่ ๆ จาก″แอมเวย์″ เองบ้างรึไง ?

5. จำนวน ″ผู้ประสบความสำเร็จ″ คือตั้งแต่ระดับ DD ขึ้นไปในเมืองไทยมีกี่คน เอ้า...ผมให้ว่ามี 5 หมื่น (ซึ่งจริงแล้วผมรู้ว่ามีไม่ถึงหรอก) 5 หมื่นคน ใน 2 ล้านคน เป็นกี่เปอร์เซนต์ครับ คุณลองเทียบร้อยละหรือปัญญัติไตรยางศ์ดูได้เลยว่า ธุรกิจที่มีคนประสบความสำเร็จแค่ 2-3 เปอร์เซนต์น่ะ...ช่างน่าช่วยกันพัฒนาให้ ″สวยงาม″ ในประเทศชาตินักนี่ครับ

6. การจะเป็น DD ได้คุณต้องขายของได้เป้า 150000 PV ใน 6 เดือน เป็นการขายให้ได้เป้าติดกัน 3 เดือน (performanced) ซึ่งหมายถึงว่าคุณต้องขายของให้แอมเวย์ประมาณ 2แสนบาท (รวมทั้งให้สายงานของคุณขายด้วยนั่นล่ะ) ต่อเดือน แปลว่าคุณต้องขายของได้อย่างต่ำ 1 ล้าน 2 แสนบาท ใน 1 ปี (ซึ่งปกติแล้ว...มากกว่านั้น) ...ถ้าคุณมีเซลล์ขายของให้ได้ 1 ล้านกว่าบาทแบบไม่เอาเงินเดือน 1 ปี.. เขาควรจะได้คอมมิสชั่นกว่าแสนบาท โดยในปีต่อ ๆไปเขาก็ขายให้ได้บ้าง...ไม่ได้บ้างเนื่องจากเขามี ″ลูกค้าเก่า ๆ″ สำหรับกิจการของคุณ ทำไมคุณไม่ควรตอบแทนอะไรให้เขาบ้างล่ะ ซึ่ง แอมเวย์ก็ให้...ผมรู้ เขาให้เงินเดือน เดือนละประมาณ 18000 บาทกับคุณ โดยที่คุณต้องเอาเงินนั้นจ่ายค่าน้ำมันรถของคุณเอง จ่ายค่าอบรมสัมมนาเอง (และยังต้องจ่าย ″พิเศษ″ มากกว่าคนที่ยังไม่เป็น DD ) ด้วยเพื่อเลี้ยง ″สายงาน″ ฯลฯ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้...คุณยอมจ่ายง่ายจังเลยนะ ถ้าคนที่มีปัญญาขายของได้มากกว่าปีละ 1 ล้านบาท เอาเงินโบนัสหรือคอมมิสชั่นที่ได้เก็บไว้ทำเป็นทุน (ไม่ใช่หนี้) แล้วทำกิจการเอง...เขาอาจจะมี ″ตัวตน″ มากกว่าต้องไปหลบอยู่หลังเงาทมึนของแอมเวย์...ทั้งตระ!!!ล...ก็ได้

7. เจลอาบน้ำ ซึ่งมักเอามาเปรียบเทียบกับ ″ครีมอาบน้ำ″ ของ LUX แล้วพบความแตกต่างว่า...ครีมอาบน้ำของ LUX เกิดชั้นไขมัน หรือแตกตัวให้กลิ่นแอมโมเนีย เมื่อผสมกับสบู่ ความเป็นจริงแล้วก็คือ...เจลอาบน้ำ ไม่ใช้สบู่อาบน้ำหรือ ครีมอาบน้ำ

สารตั้งต้นที่ใช้ผลิตต่างกันและวัตถุประสงค์ก็ต่างกันถ้าเอา ″เจลอาบน้ำ″ ยี่ห้ออื่นมาทดลอง...ก็เหมือนกับแอมเวย์นั่นล่ะ

(แต่ราคาถูกกว่า) ในขณะเดียวกันถ้าเอา ″สบู่″ ของแอมเวย์มาละลายน้ำผสมกับ ″เกลือ″(แอมเวย์ใช้แทนเหงื่อ...แต่ใช้ในอัตราเข้มข้นกว่าความเค็มของเหงื่อจริง ๆ หลายเท่า) ครับ แล้วทดลอง...ก็ให้ผลแบบเดียวกับ LUX ...เรื่องนี้มีข้อขัดแย้งในตัวด้วยครับ เพราะเหงื่อที่คนเราขับออกมาจากร่างกายไม่ได้มีแต่เพียงเหงื่ออย่างเดียว โดยเฉพาะ คุณผู้หญิงด้วยแล้ว เหงื่อที่ขับออกมามี ″ไขมัน″มากกว่าซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นตัว ″เปรี้ยวๆ″ อันเกิดจากการทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับอากาศและการย่อยของแบคทีเรียบริเวณผิวหนัง กับ ″กรดไขมัน″ ที่ร่างกายขับออกมาพร้อมเหงื่อ คนไทยมีเหงื่อมากครับ...ซึ่งก็เป็นปกติ ส่วนการใช้เจลอาบน้ำ

เหมาะกับคนที่อยู่ในพื้นที่ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำเช่น ในเขตภูมิอากาศอบอุ่นหรืออากาศหนาว (และอยู่้ในห้องแอร์ทั้งวัน)

เพราะเค้าต้องรักษาความชื้นที่ผิวหนังและปกติเค้าก็ไม่ค่อยมีเหงื่อครับ

8. ยาสีฟันกลิสเตอร์ ″ข้นกว่า″ และไม่มีสารขัดฟันหยาบ ๆ เมื่อเทียบกับ ″พาโรดอนแท็กส์″ เพราะ ว่ายาสีฟัน กลิสเตอร์เป็น ″ครีมทำความสะอาด″ ไม่ใช่ยา ″สี(ขัดสี)ฟัน″ความข้นในตัวมันเองเกิดจากมวลสารที่มีขนาดเล็ก ๆ ซึ่งไม่แยกตัวง่าย ๆ

เมื่อมีการให้พลังงานเข้าไปเฉกเช่นยาสีฟันที่ใช้ ″สารขัดฟัน″เป็นหลักแล้วใช้โมเลกุลอื่น ๆ ที่เล็กกว่าเป็นตัวยึดเหนี่ยวหรือผสมผสานยาสีฟันกลิสเตอร์มักพูดถึงความเข้มข้น (ซึ่งความจริงแล้วคือ ″การไม่แยกตัว″) โดยทำเป็นลืม ๆ เรื่องคุณภาพการ ″ขัดฟัน″

โดยโยนให้เป็นเรื่องของแปรงกับวิธีการสีฟันของผู้ใช้แทน

9. น้ำยาล้างจาน LOC ยาสระผม ...ฯลฯ ของแอมเวย์ใช้สารตั้งต้นในหมู่อนุพันธ์″ Loreth sulfate ″(คนไทยเรียก ″หัวแชมพู″) ซึ่งเป็นสารเคมีราคาถูก ๆ และกำลังอยู่ในขั้นวิจัยว่าเป็นส่วนก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง ซึ่งแชมพูสระผมในเมืองไทยหลายยี่ห้อเลิกใช้ไปแล้ว

10. เครื่องกรองน้ำของแอมเวย์แพงกว่าเครื่องกรองน้ำที่มีขายในเมืองไทย 2 เท่าโดยค่าอะหลั่ยก็แพงกว่า 3-4 เท่า แอมเวย์มักเอาเครื่องกรองน้ำของตนเปรียบเทียบกับสินค้าคุณภาพต่ำกว่า หรือ ″ไม่ตรงจุดประสงค์″ ของผู้ออกแบบ เช่นเอาสารกรองซึ่งก็คือ

activated carbon ไปเปรียบเทียบกับ resin ทั้ง ๆ ที่ resin มีไว้เพื่อกำจัดความกระด้างของน้ำ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าที่คุณภาพสูงกว่า (และราคาถูกกว่า) เช่น เครื่องกรองน้ำระบบ RO ก็อ้างว่าน้ำจากระบบ RO″ กรองทุกอย่างออกไปหมด″ แม้แต่ ″สารที่มีประโยชน์″ โดยแอมเวย์ไม่ได้บอกว่าไอ้ ″สารที่มีประโยชน์″ ที่เครื่องกรองน้ำแอมเวย์ กรองไว้ไม่ได้มีอะไรบ้าง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว...เครื่องกรองน้ำ แอมเวย์มีเพียงการกรอง 3 ขั้น ขั้นแรกเป็นการกรองแบบเลวมาก ๆ ด้วยชั้นกรอง PP บางจ๋อย จนเทียบกับไส้กรอง PP หรือไส้กรองเซรามิก ในท้องตลาดไม่ได้ ขั้นที่สองเป็นความภูมิใจของแอมเวย์และมักพูดกับผู้ซื้อราวกับแอมเวย์เท่านั้นที่ ทำสิ่งนี้ (ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมีการคิดค้น-ใช้งานก่อนแอมเวย์ทำเครื่องกรองน้ำเองหลายปี) คือ Activated carbon แต่เมื่อเทียบกับไส้กรอง AC ในท้องตลาดแบบมาตรฐาน...ซึ่งใช้กันทั่วไปแม้ในอเมริกา (ของไอ้กันนั่นล่ะ) จะพบว่าราคาของแอมเวย์แพงกว่า 3 เท่าตัวจนท่านสามารถซึ้อของยี่ห้ออื่นมาต่อ แบบอนุกรมได้ 2 เท่า...ซึ่งให้คุณภาพการกรองดีกว่า...ในราคาที่ต่ำกว่า ขั้นที่ 3 การกำจัดเชื้อ หรือระบบ Ultra violet สินค้าของแอมเวย์เป็นหลอดรังสีที่ให้ค่า Lux ต่ำกว่าของที่ขายยี่ห้ออื่น ๆ ...แต่อ้างว่าออกแบบให้มีการหมุนวนภายในระบบเพื่อเพิ่มระยะเวลา retaintion time ) ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วค่าเวลาดังกล่าว วัดจาก″อัตราการไหล″ ที่ Input -Output เนื่องจากทางวิศวกรรมถือว่าเป็น ″ ระบบปิด″ แล้วจึงวัดที่ขนาดของระบบ

V= Q / A แม้ว่าภายในระบบจะจัดให้น้ำหมุนวนเป็น ″กระแส″ อย่างไรก็ตามถ้าลำของกระแสนั้นเล็กมาก ( A ต่ำ ) V หรือความเร็วในการไหล ก็จะสูงขึ้น เพราะ Q หรืออัตรา น้ำก็เท่า ๆ กัน ดังนั้นทำไมไม่เลือกตัวจ่ายรังสีที่เฉียบขาดกว่าในการฆ่าเชื้อล่ะ ? ...ถ้าแอมเวย์จะอ้างว่ารังสีมากก็อันตรายมาก...ก็พาไปหา ″สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค″ได้เลย เพราะขนาดของรังสีที่ใช้ในสินค้ายี่ห้ออื่นก็ผ่านมาตรฐานทั้งนั้น (มักเป็นสินค้าไอ้กัน...เช่นเดียวกัน) นอกจากนั้นแล้ว...เครื่องกรองน้ำของแอมเวย์ก็ใช้กรองน้ำบาดาลหรือน้ำกร่อยไม่ได้ครับ...ใช้ได้แต่การกรองน้ำประปาที่ปกติก็ดื่มได้อยู่แล้ว...เท่านั้น

11. เครื่องฟอกอากาศของแอมเวย์ ″แพงมาก ๆ″ ราคาเท่ารถมอเตอร์ไซค์ 1 คันหรือแพงกว่า เครื่องปรับ อากาศขนาด 1 ตัน 2 เท่า ทั้งที่ระบบการกรองเป็นแบบ 3 ขั้นตอนที่ไม่มีเทคโนโลยี่อะไรมากมาย คือกรองหยาบด้วยตะแกรง กำจัดกลิ่นด้วย Activated carbon และดัก mist ด้วยไส้กรอง เฮพปา ตัวนี้ในเมืองไทยยังผลิตเองไม่ได้ แต่นำเข้ามาตัด พับได้ เช่น ของ 3M) ในท้องตลาดมีสินค้าที่ มีระบบ เช่นเดียวกันนี้ 2-3 ยี่ห้อ โดยราคาถูกกว่า 8-10 เท่า แม้ว่ามีอัตราการไหลผ่าน (ขนาด) เล็กกว่า ก็เล็กกว่าไม่ถึง 3 เท่า ดังนั้น...ซื้อไอ้ตัวเล็ก ๆ สัก 3 ตัวก็ยังถูกตังค์กว่าเยอะปกติแล้วระบบฟอกอากาศที่ใช้กันทั่วไป มักเป็นระบบที่ใช้ไฟฟ้าสถิตย์

(ความเป็นจริงคือการใช้สนามไฟฟ้าในการดีดแล้วจับฝุ่นละออง) ซึ่งเราสามารถ ″ถอดล้างทำความสะอาด″ ได้ ไม่ต้องซื้อใหม่กันตะบี้ตะบัน คุณภาพการกำจัดฝุ่นของระบบ ″EP″ อยู่ที่ประมาณ 90 % ( ส่วนแฮพปา อยู่ที่ 95 % ) โดยวัดที่ ″ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่าความชื้นสัมพัทธ์ในเมืองไทย″ และระบบแฮพปานั้นจะมีปัญหาทันทีถ้าความชื้นสัมพัทธ์สูงๆ ...ซึ่งก็หมายความ

ว่าเครื่องฟอกอากาศของ แอมเวย์ใช้ได้เฉพาะในห้องแอร์ (เพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพตามคำบรรยาย) ...เท่านั้นครับ

12. เรื่องผงซักฟอก SA8 ของแอมเวย์ที่อ้างถึง ″การรักษาสภาพแวดล้อม″ เนื่องจากย่อยสลายได้... ผงซักฟอกทุกชนิด - ทุกยี่ห้อที่ขายในเมืองไทยต้องไม่ผสมสารที่ก่อให้เกิดฟอสเฟตในอัตราที่เป็นอันตรายครับ เนื่องจากผงซักฟอกเป็น ″มาตรฐานบังคับ″

ของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม( สมอ.) การกล่าวอ้างว่าผงซักฟอกอื่น ″ทำลาย″ สิ่งแวดล้อมจึงเป็นการสบประมาทเจ้าหน้าที่ ( หรือกฎหมายของบ้านเมือง )ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ( มาตรฐาน ″บังคับ″เป็นมาตรฐานที่ ″ต้อง″ ทำให้ได้ ถ้าจะขายสินค้านั้น ๆ )...ถ้าพบใครพูดเช่นนั้นหรือทำนองนั้น...ก็บอกเค้าด้วยว่า...อาจเข้าข่ายหมิ่นประมาทครับ ( จำคุก 1- 3 ปี...ถ้าผมจำไม่ผิด ) ******ไม่ได้โจมตีครับ แต่อยากบอกความจริงให้รู้.......

ผมเกลียดAmway

จากกระทู้ ถามเกี่ยวกับธุรกิจ AMWAY ในความคิดของเพื่อนๆ@ThaiDVD.NET

โดยส่วนตัวนะครับ
1.ผมเกลียดAmway
2.ผมเกลียดการหลอกคนอื่น
3.ผมเกลียดคนที่เอาคำว่าเพื่อนเข้ามาลากสู่ผลประโยชน์ส่วนตัว ด้วยคำว่า"เพื่อน"
4.ย้อมกลับไปดูข้อ (1) ใหม่

แค่นี้แหละ และผมก็ยังยืนยันคำพูดผมที่ว่า

สุจริตบนความความทุกข์คนอื่น เลวครับ เลว

***** ///เกี่ยวกับ amway\\\*****

ทำไม คนไทยถึง ไม่ชอบ amway ทั้งที่สินค้าเค้าก็ดี ( ดูจากที่มาสาธิต )

ปล. ไม่ใช่สมาชิก ไม่ได้ซื้อของใช้เพราะแพงงง แต่อยากรู้เฉยๆ

Gloomy friday because amway, กลับมาพร้อมกับความมืดมนอีกครั้งเพคะ

วันนี้เพื่อนข้างบ้านมาเสนอขายสินค้า+เป่าหูให้เป็นตัวแทนขายของ amway เป็นรอบที่ 2 ...... (รอบแรกโดนมันพล่ามเสียเวลาอันมีค่าไป 3 ชม.)

สภาพจิตตอนนี้ก็เลยย่ำแย่ (หลายๆคนคงเข้าใจ เวลานั่งฟัง sell man เสนอขายสินค้า+เป่าหู ว่ามันทรมานและน่าหงุดหงิดขนาดไหน)

เพราะเป็นเพื่อนกันก็เลยปฏิเสธไม่ได้ เล่นเอาหัวตื้อ+เสียดายเวลาชีวิตไปฟรีๆอีกตามเคย อารมณ์มันเลย gloomy สุดๆ

อ่านต่อ: http://moe-board.net/bbs/index.php?showtopic=15174&st=10&p=216727&

เผา ค่ะ เผา ย้ำค่ะว่าเผา หาแบบมาดู action แล้ววาดตาม

อารมณ์ในรูปก็ประมาณว่า "อย่าเข้ามานะ*** **เชือดทิ้งแน่!" (รึว่าเชือดมันไปแล้วหว่า)

I’m no way

ธุรกิจเครือข่ายที่กำลังเฟื่องฟูอยู่ในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้น amway ผลิดภัณฑ์ของเขามีตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ชนิดที่ว่าไม่ว่าจะหันไปไหนคุณก่อจะเจอคำว่า amway อยู่รอบกาย นี่ถ้าผลิตอ๊อกซิเจนได้ด้วยคงทำไปนานแล้ว แต่ประเด็นที่จะมาพูดวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกะผลิตภัณฑ์ของเขาแม้แต่น้อย แต่เป็นเรื่องของรูปแบบและกระบวนการทำงานของธุรกิจนี้ .. เหตุที่ต้องพูดเพราะว่าตูเบื่อพวกทำ amway ม๊ากกกกกกกกกกกกกมาก แล้วไอ้พวกที่ทำก่อไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน เพื่อนช้านนนนนทั้งน๊าน … ซึ่งถ้ามันไม่เริ่มต้นชวนเพื่อนมันก่อก่อน มันก่อไม่รู้จะเริ่มต้นที่ใครใช่ม่ะ ซึ่งเจอมาแบบหลากหลายประเภท หลากหลายรูปแบบมาก ชนิดที่ว่าพูดดีก่อแล้ว ด่าก่อแล้ว ยังไม่วายตามตื้อให้เป็นสมาชิกอีก … เริ่มเลยแระกัน สมาชิกของธุรกิจ amway แบ่งได้ 2 ประเภท คือ 1 สมาชิกธรรมดา ที่จะได้สิทธิ์จากการซื้อสินค้าแล้วได้ส่วนลด 25 % (ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังคงส่วนลดนี้อยู่ป่ะ) ก่อเหมือนกับสมาชิกของสินค้าอื่นๆทั่วๆไปที่เป็นสมาชิกแล้วก่อจะได้ส่วนลดจากการสั่งซื้อสินค้า 2. สมาชิกประเภทธุรกิจ แบบนี้แหละที่พวกทำ amway มันชอบให้ทำกันนักหนา ซึ่งสงวนราคาค่าสมาชิกแล้วแบบแรกจะราคา 300หรือ 600 เนี่ยแหละ แต่แบบหลังจะ 900 บาท เหตุที่เขาจะให้เราทำแบบที่สองเพราะ เขาจะให้เหตุผลว่า ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเขา เราจะมีโอกาสเป็นเจ้าของธุรกิจเขาแบบที่ไม่ต้องลงทุนอะไร และมันก่อไม่ใช่การขายของ จะมีรายได้ไหลเข้าบัญชีในแต่ละเดือน ประทานโทษเหอะ ไม่ขายของแล้วรายได้มันจะมาจากไหนว่ะ เงินที่ได้มาแต่ละเดือนก่อได้มาจากกลุ่มสมาชิกที่สร้างขึ้นร่วมกันใช้สินค้า พอได้ยอดถึงที่กำหนดเขาก่อคืนกำไรให้เรา ถ้าต้นทุนสินค้า 50 บาท ถามหน่อยเหอะจะตั้งราคาขายกัน 50 บาทมั๊ย มันก่อต้องตั้งราคามากกว่านั้นอยู่แล้ว อาจจะเป็น 100 บาท เท่ากับเขาได้กำไร 50 บาท เขาก่ออาจปันให้ผู้ใช้ซัก 25 บาท...

รู้สึกยังไงกับ "Amway"

ถ้าได้ยินคำว่า "Amway"

สิ่งที่ท่านรู้สึก หรือ ในความคิดของท่าน คือ...

เบื่อ เบื่อ เบื่อสุด สุด จริงๆนะ (Amway ตีกันเอง)

เบื่อ เบื่อ เบื่อสุด สุด จริงๆนะ

ไม่ได้เบื่อแอมเวย์ แต่เบื่อ network 21

prospect 5 รายสุดท้ายของผมเป็น ABO ไปแล้ว เรากลับมามือเปล่า ตรงนั้นรับได้จริงๆ แต่ที่รับไม่ได้คือ บางคนในนั้นทำกับ network21 แผนก็ไม่เคยฟัง สินค้าไม่เคยสาธิต บางครั้งออกค่าสมัครให้ สมัครไปแล้วก็ไม่ทำไรเลย ชวนให้ซื้อซีดี แผ่นละแพงโค ตระ เพื่อนคนหนึ่งสมัครตั้งแต่กุมภา ยังไม่เคยเห็น achieve สักเล่ม

เขาเหล่านั้นผมว่าทำแอมเวย์เสียชื่อมาก พอเราเข้าไปโห เสียมาถึงเราด้วย กว่าจะค่อยๆอธิบาย เหนื่อยมากๆ

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆที่เจอแบบนี้ ทำยังไงกันบ้างครับ เราจะอธิบายให้ฟังยังไงว่า inetwork ไม่ใช่ network21 แล้ว ที่เค้าทำกันอยู่มันไม่ดี มันเสียตรงไหน ของเราดีกว่ายังไง

อยากทราบไอเดียพี่ๆ เพื่อนๆ น้าเอ้ น้าอี๊ด คนอื่นบ้าง

ส่วนถ้าจะมีใครมาจาก network21 มาอ่าน ก็อธบิยกันมาเลย ว่าทำไมไม่ดูแล D/L ทำไมร้านเจ๊ขายซีดีแผ่นละ 20-30 บาทเอง ทำไมของเค้าขายแพงจัง

ช่วยด้วย~ ผมโดน Amway ไซโคมา

เมื่อวานนี้... เพื่อนผมคนนี้มันเข้ามาในร้าน หลังจากไม่ได้เจอกันนาน

แต่ที่มันมาเนื้ย ไม่ได้จะมาหาผมจริงๆสักเท่าไหร่..มันตั้งใจจะมาชวนผมไปฟัง งานของ Amway

ตลอด 2 ชั่วโมงที่มันมานั่งอยู่เนื้ย มันเปิด Flash บ้าบออะไรสักอย่างให้ผมดู พูดประมาณว่า.. "การทำงานเป็น ลูกค้าน้อง เป็นเจ้าของธุระกิจมันต่างกันมากเลยนะ คนที่ทำงานเป็นลูกน้องเค้าอย่างเราๆท่านๆเนื้ย ก็ไม่ต่างอะไรจากการเป้นควายโง่ๆให้เค้าจูงจมูกไปเรื่อยๆเท่านั้นละ"

ผมฟังไปก็รู้สึกเบื่อ แต่นั้นก็ยังไม่จบมันยังมาโชว์การขายของให้ผมดูอีก น่าเบื่อมากๆ (ตอนนั้นคิดว่าดูไอ้จอจต์กะอีซาร่าขายของยังสนุกกว่าอีก) และวันนี้เมื่อสักพักเนื้ยผมก็พึ่งได้รับโทรศัพท์มา เพื่อนผม(อีคนเดิมนี่ละ)มันโทรมาชวนไปงานของ Amway อีกแล้ว เบื่อชิบเป๋งเลย....


Help!!! Help~me!!!

พี่ คับๆ Amway รวยจริงหรอ.............???

เบื่อมาเลย เพื่อนสมัยมัธยมาตามตื้อจะขายให้ได้ ขนาดอยู่บ้านยังตามมาหาถึงบ้านเอาพี่มาพูด ด้วยน่ารำคาญไม่ใช่เเฟนตามติดยังกะแฟน ทำไงดีเลิกคบไปเลยดีไหม.....บอกไม่เอาแล้วยังให้เทปมาฟัง จะให้เราสมัครให้ๆได้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Saturday, March 27, 2010

โมเลกุลของน้ำ สามารถแตกให้เล็กกว่าเดิมได้ด้วยเหรอคะ

เห็นมีเครื่องโฆษณาว่าสามารถแตกโมเลกุลของน้ำให้เล็กลงหว่าเดิมได้
ทำให้สามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น มันทำได้จริงเหรอคะ
แล้วน้ำที่ทำแล้วจะเสถียรอยู่ในโครงสร้างนั้นตลอดเหรอ

งงมากเลย ค่ะ
รบกวนด้วยนะคะ

Unicity อะไร ทำไม อย่างไร ช่วยอธิบายเกี่ยวกับระบบของบริษัทนี้หน่อยครับ

ถูกเพื่อนสนิทลากไปฟังมา
รู้สึกขัดแย้งยังไงไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นระบบต่างๆ เอาตั้งแต่เริ่มสมัคร
เสียค่าสมัคร ค่าอุปกรณ์ ซีดี ฯลฯ mlm เป็นยังไง
การรักษายอด PV ต้องคงที่ตลอดหรอ ขายของได้เท่าไหร่ กี่บาท ถึงได้กี่ PV
แล้วเอามาคูณเปอร์เซ็น จากนั้นเอามาคูณ45จะได้เป็นผลตอบแทน เพราะเงินที่ได้จะเป็นดอลล่าห์ ?
แล้วราคาที่ขายเนี่ย ไม่ใช่ราคาบาทหรอ ?

เนื่องจากเป็นคนที่ไม่ชอบการขายแบบนี้เท่าไหร่(ก็ไม่ได้อคตินะครับ เคยฟังขายตรงเจ้าอื่นมาบ้าง แอมเวย์ กิ๊ฟฟารีน ฯลฯ)
แต่ค่อนข้างงงกับระบบของ Unicity
ฟังมาแบบเบลอๆมึนๆเล็กน้อย(วันที่เพื่อนลากไปฟัง เป็นไข้ปวดหัวนิดหน่อย)

เลยรู้สึกว่าจับใจความอะไรไม่ได้เลย นอกจาก
อยากรวย อยากมีเวลา พาไปเที่ยวต่างประเทศ มีประชุม แคมป์
ความสุขร้อยเปอร์เซนต์ พ่อแม่ภูมิใจ มีรายได้หลักแสนหลักล้าน(เน้นมาก ยกตัวอย่างผู้คน แต่ไม่อธิบายเลยว่าพวกเขาเหล่านี้ทำอะไรบ้าง ทำอย่างไรบ้างถึงมีรายได้ขนาดนี้)
มีรถหรู ประสบความสำเร็จภายในสามปี ห้าปี มีรายได้เจ็ดแปดหลัก

แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับระบบเลย จะถามเพื่อนก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน(เพราะเพื่อนก็เพิ่งหัดทำ)
เลยกลับมาตั้งหลัก หาข้อมูลดูก่อน ก็ไม่ได้คำอธิบายที่ชัดเจนเท่าไหร่

ถ้าสมัครแล้ว ยกเลิกได้ป่ะครับ หรือถ้าไม่ยกเลิก ปล่อยไปเฉยๆ จะมีผลอะไรมั้ยครับ
(โดยส่วนตัวค่าสมัครอ่ะไม่เท่าไหร่ เกรงใจเพื่อนด้วย อีกอย่างตอนนี้ก็มีความสุขดี การเงินก็โอเค คุณพ่อคุณแม่ก็อยากจะให้ผมทำงานที่ตัวเองชอบมากกว่า มีเป้าหมายในชีวิตอยู่แล้ว)
คิดว่าธุรกิจแบบนี้คงไม่เหมาะสมกับตัวเองด้วย ถึงจะเงินมากมายก็เถอะ
เพราะไม่ชอบขายแบบวิธีนำเสนอแบบนี้ สินค้าก็คงไม่ได้ใช้ คิดว่าเกินความจำเป็น
แล้วก็ที่จะต้องไปพูดหา Line ต่างๆด้วย เป็นคนไม่ค่อยชอบสังคมเท่าไหร่
face to face เป็นอะไรที่อึดอัด สำหรับผมน่ะ

คนที่เคยทำหรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับทางด้านนี้ช่วยอธิบายระบบการทำงานให้เข้าใจง่ายๆหน่อยครับ

ขอบคุณครับ

ปล. ครั้งแรกที่มาห้องสีลม ผิดพลาดยังไง ขออภัยด้วยครับ

โปรตีนแอมเวย์ กับคนท้อง

มีเรื่องอยากจะถามคุณหมอๆกันหน่อยค่ะ
คือตอนนี้พี่สาวเพิ่งจะท้องได้แค่เดือนกว่าๆ
คุณหมอที่ขายแอมเวย์แนะนำให้กินโปรตีน กับผงเชอรี่ และผงส้ม ผสมกั
น ควบคุ่ไปกับการกินเม็ดแคลเซียมของแอมเวย์ด้วยค่ะ
แต่ข้างกล่องเค้าระบุไว้ว่า สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
ก็เลยกังวลใจนิดหน่อยว่าถ้าแนะนำให้พี่สาวกินแล้ว
จะมีผลอะไรกับเด็กในท้องรึป่าวคะ
(แอบไปอ่านกระทู้ต่างๆในเนต คนส่วนใหญ่บอกว่ากินแล้วดี
แต่ไม่เห็นมีงานวิจัยอ้างอิงเลยอ่ะค่ะ)
แล้วเด็กที่คุณแม่กินโปรตีนตอนท้อง จะไปมีผลตอนที่เค้าเริ่มโตเต็มวัยรึเปล่าคะ
เป็นห่วงทั้งพี่สาวแล้วก็หลานในอนาคตมั่กๆเลยค่ะ

ทุกข์เพราะแอมเวย์

มีความทุกข์เพราะคนที่ชวนคนในครอบครัวเราไปทำแอมเวย์ ทุกข์มาก เพราะคนนั้นเป็นผู้บังเกิดเกล้า เราต้องทำงาน เราต้องใช้เงิน แต่ เงินเราต้องถูกแบ่งไปเพื่อปิดยอดแอมเวย์ งานการไม่เป็นอันทำ เพราะต้องหาลูกค้า บางครั้งจำเป็นต้องปฏิเสธ มันก็เหมือนคนเนรคุณ ที่ปล่อยให้เขาไปด้วยความลำบาก แต่ถ้าเขาอยู่บ้าน เขาก็ไม่ลำบากอะไร มีเงินใช้เดือนละ 20000 บาทอยู่แล้ว

ทำไมแอมเวย์ต้องเข้ามาในชีวิตฉานนนนนด้วย...เซ็ง

อ่านต่อ: http://onemannoheart.exteen.com/20070603/entry

มีใครรู้บ้างว่าแอมเวย์มีอะไรดี

ผมเห็นว่าหลายๆท่านมีความรู้สึกต่อต้านมาก แต่ในทางกลับกันมันยิ่งโต ขณะนี้ มีกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ถ้ามันไม่ดีทำไมถึงยิ่งโตวันโตคืน

อยากทราบความเห็นครับ

หรือใครมีประสบการ์ณเกี่ยวกับแอมเวย์ช่วยนำมาเล่าให้ฟังทีนะครับทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี

อ่านต่อ: http://pi.eng.src.ku.ac.th/mod/forum/discuss.php?d=2109

รำคาญคุณ "ดีดี้" โฆษณาแฝงยี่ห้อ Artistr..อยู่ได้

ขอนอกเรื่องหน่อย อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ เห็นคนบางคนโฆษณาแฝงมาหลายกระทู้นักแล้ว

คุณดีดี้ ไม่ว่าใครเขาจะถามเรื่องอะไรเอะอะคุณก็ยี่ห้อนี้ๆ ถึงแม้หลังๆ จะเนียนๆ ขึ้นหน่อย แต่ถ้าคนอ่านบ่อยๆ ก็รู้ได้เลยว่าคุณพูดถึงยี่ห้อไหน

ถ้าจะหาว่าเราหาเรื่อง ลองไป search ชื่อ "ดีดี้" ในบอร์ดนี้ได้เลย กี่กระทู้ๆ ก็แนวนี้ค่ะ

อ่านกฏกติกา มารยาทก่อนนะคะ ที่นี่เว็ปบอร์ดเอาไว้คุยกัน ไม่ใช่พื้นที่โฆษณาค่ะ

เราจะแจ้งยึดบัตรผ่านคุณล่ะนะคะ

หลายๆ คนแอนตี้ยี่ห้อนี้ ก็เพราะแบบนี้ไงคะ มีช่วงหนึ่งยี่ห้อนี้ถึงกัเบป็นคำต้องห้ามคือพิมพ์ในเว็ปนี้ไม่ได้ไปเลย ใครอยู่มานานๆ คงพอจำได้นะคะ

ตีแผ่ !!! ความเป็นมาของบริษัท Unicity

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนเลยว่า ไม่ได้มีความคิด anti MLM ใด ๆทั้งสิ้น

รู้ว่า MLM เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการประกอบอาชีพ

ที่ตั้งกระทู้นี้เพราะว่าติดใจมาจากการได้ฟัง (เรียกว่าโดนกรอกหูก็ว่าได้)

และการหาข้อมูลจนทราบถึงประโยคที่ใช้สปอนเซอร์บ่อย ๆ หลาย ๆ ประโยค

ซึ่งกระทู้นี้จะเจาะลึกเพียงแค่ประโยคที่ว่า

"Unicity เป็นบริษัทที่เป็นที่รู้จักมากว่าร้อยปี โดยมาจากการควบรวมบริษัท Rexall และ Enrich เข้าด้วยกัน"

เริ่มเลยนะครับ

จาก http://en.wikipedia.org/wiki/Rexall

Rexall เป็นบริษัทที่ก่อตั้งในปี 1902 "จริง" เริ่มต้นด้วยการเป็นบริษัท Retailer ขนาดเล็กในเมือง Boston ในปี 1958 ได้กลายมาเป็นบริษัทแฟรนไชส์ยาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ (11,158 ร้าน - เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ ปัจจุบันสหรฐมี Macdonald กว่า 12,000 สาขา)

แต่ในปลายทศวรรษ 1950s Rexall ได้ถูกโจมตีทางการตลาดจาก Discount Store เช่น Thrifty Drug และ Eckerd จนถูกขายให้กับนักลงทุนเอกชนในราคาเพียง 16 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าในปัจจุบันจะยังมีร้านขายปลีกใช้ชื่อ Rexall อยู่ก็ตาม แต่กลายเป็นชื่อที่ขายไม่ค่อยได้ เมื่อเทียบกับบริษัทอื่น และตัวบริษัทเองยังขายสินค้าจำวพวกวิตามิน อาหารเพื่อสุขภาพ และ platic item

จนในปี 1985 Rexall ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท Sundown (ก่อตั้งเมื่อ 1976 ขาย Suntan Lotion ผ่าน E-mail order , Store Shelves และ MLM ควบคู่กันไปด้วย) และได้มีการเปิด Product Line ผลิตภัณฑ์ nutritional supplements ในชื่อ Rexall-Sundown แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับร้านค้าปลีกที่ยังใช้ชื่อว่า Rexall โดยสิ้นเชิง (ประมาณว่าร้านพวกนั้นใช้แต่ชื่อ Rexall เป็นชื่อร้าน)

แต่ภายใต้ชื่อ Rexall-Sundown และการเปิดแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า Bios Life บริษัท Rexall-Sundown จึง went public (ไม่รู้ใช้ภาษาไทยว่าอะไร) และเข้าสู่ตลาดหุ้น NASDAQ ภายใต้ตัวย่อ RXSD และถูกบริษัท Royal Numico (บริษัทของ Netherland ซึ่งในตอนนั้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GNC อีกด้วย) ทำให้ Rexall-Sundown ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ Rexall-Sundown ในปัจจุบัน ซึ่งถูกขายต่อให้แก่ NBTY (บริษัทวิตามินในสหรัฐ) และอีกส่วนนึงควบควมกับบริษัท Enrich International ซึ่งตอนนั้นบริษัท Royal Numico ถือครองอยู่เหมือนกัน กลายมาเป็น Unicity Network ในปัจจุบัน

ข้อมูลบริษัท Enrich International : http://www.answers.com/topic/enrich-international-inc



บทสรุปที่ 1

1. บริษัท Unicity ไม่ได้มาจากการรวมของบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ 3 บริษัท หรือ 2 บริษัทอย่างที่เอาไปโฆษณากัน ช่วยแก้ไขตรงนี้ด้วย (ฟังจนเบื่อแล้ว)

2. การพูดว่ามีรากฐานยาวนานกว่าร้อยปีฟังไม่ค่อยสมเหตุสมผลนักสำหรับผม (มันเป็นการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนเจ้าของมาเรื่อย ๆ เหมือนกับหลาย ๆ บริษัทที่ทำการควบรวมกัน - เพราะไปไม่รอด/เพราะโดนกว้านซื้อหุ้น/เพราะถูกบริษัทใหญ่กว่ากลืน เป็นต้น) เนื่องจากรากฐานเหล่านั้น - อ้างอิงโดยข้อมูล - มันไปไม่รอดในปลายทศวรรษ 1950s และกว่าจะมาทำ nutritional supplements MLM ก็ปาเข้าไปปี 1985 แล้ว


จบบทสรุปที่ 1 เพียงเท่านี้

ข้ออนุญาตหว้ากอครับ ผมกำลังถูกเพื่อนๆ หากินกับผมอยู่ครับ ผมแค้นมาก ช่วยผมด้วยครับ

คืออย่างนี้ครับ เมื่อเดือนก่อนมีเพื่อนผมคนนึง เป็นเพื่อนเก่าที่ รร สมมติชื่อ A
ก็บอกเนี่ยนะทำโปรเจคอยุ่ รายได้ แสนๆ ต่อเดือน สนใจมะ
เราก็ถามๆกลับไปเปนธรรมดาอ่ะแหละคับ
มันก็ยืนยันว่าบอกทางโทรสับไม่ได้ กลัวกรุโง่ครับ บอกว่าเดี๋ยวไม่เข้าใจ
เลยนัดเจอกัน แต่จังหวะที่ว่ามันช่วงสอบที่ มหาลัย เลยไปไม่ได้ เลยปฏิเสธไป
โดยตอนนั้นที่เค้นถาม ก็ได้ความประมาณว่า โปรเจค "อาหารสำหรับนักบินอวกาศ"
แค่นั้นกุก็คิดไปไกลสิครับ ยาบ้าป่ะวะ ไรงี้

เรื่องก็ผ่านไป จนอยู่มาวันหนึ่ง
เพื่อนเก่า (อีกคน) ที่พอจะสนิทกันบ้างก็โทรมาครับ สมมติชื่อ B
โดยตอนแรก อ้างว่า เช็คเบอร์ที่โทรออก ครับ (ก็เชื่อ)
แล้วก็คุยสารทุกข์สุขดิบกันอ่ะครับ ตอนแรกก็ดีใจ เพื่อนคนนี้ไม่ได้ติดต่อกันมานานละ

พอจังหวะจะวางหูเท่านั้นแหละ
...
ก็บอกเนี่ยเดี๋ยวจะไปกินข้าวจะรีบพูดๆล่ะกัน
ก็เล่าเรื่องโปรเจคส้นตินขึ้นมาครับ ผมก็ว่า ... เอาแล้วไงเมิงงง
ก็อ้างชื่อเพื่อน ในกลุ่มเรา (ที่เราสนิทมาก) มาสองสามคน บอกว่าก็ทำ
รายได้ สามแสนบาทถ้าทำดีๆ ได้รถเบนซ์ขับ ได้ไรต่อมิอะไร
ก็แกล้งโง่ ถามไปว่า มันคืออะไรๆๆๆ
ก็มาแนวเดิม
บอกไม่ได้เด่วเมิงโง่ เด่วเมิงไม่เข้าใจ
ต้องเจอลูกเดียว
ก็นัดว่าผมว่างเสร็จสรรพครับ
ทีนี้ผมเลยถามว่า เออ ใช้โปรเจคเดียวกันกับที่ A ชวนใช่ป่ะ
ก็ทำที เป็นไม่รู้จัก นึกไม่ออก ทำเป็นคุยนอกโทรศัพท์เปลี่ยนเรื่องคุย คิดว่ากุโง่หรอวะะะ
เท่านั้นแหละ ผมรู้เลยว่าอะไรมันแหม่งๆๆ ก็เออออไปตามมันก่อน
วางหู
โทรถามเพื่อนที่มันอ้างชื่อเลย คือ C
และก็ยังเป็นเรื่องดีที่เพื่อนผมคนนี้ แค่โดนชักชวน และสนใจเฉยๆ ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร
แต่เพื่อนอีกคน ก็เชิงสนิทกับผมเหมือนกัน พอดีอยู่กับ C ตอนผมโทรหาพอดี ชื่อ E ก็ดำเนินการตามคำเชิญชวนของเพื่อนคนข้างบนเรียบร้อยแล้ว
และทำนองการพูดของเพื่อนคนนี้ก็เหมือนกับอีกสองคนก่อนหน้า คือ ยังไงสมองแบบผมก็ไม่เข้าใจทางโทรศัพท์ได้แน่ๆ

ผมก็เลยตัดบท ถามเพื่อนอีกคน ทางเอ็ม สมมติชื่อนาย D
ก็ถามนายD เนื่องจากนายD อยู่คณะเดียวกับ E ก็ปรากฎว่าโดนชักชวนมาเหมือนกัน แต่เค้าไม่สนใจ
ก็ถามชื่อ โปรเจคอันนี้ไป
และได้ความว่า

มันคือ เจลอาหารเสริม ได้ชื่อ ยี่ห้อมาเสร็จสรรพ
เข้า Google และ Pantip Smart Search
ก็เจอเพียบเลยครับ
มันคือธุรกิจการขายตรงแบบ MLM ซึ่งผมก็ได้อ่านวิธีการแล้วล่ะ จากกระทู้ในพันทิปนี้
ว่า มันคือระบบที่ไม่เน้นขายของ แต่เน้นขายเพื่อน
คือ ชักชวนคนมาทำธุรกิจเป็นสายๆๆๆ หาสมาชิกไรงี้
และตัวสินค้า เจลเนี่ย มันราคาแพงมากๆครับ หลักพันกับเจลนิดเดียว
ถามผู้รู้ ผู้รู้บอกว่า ธุรกิจนี้ ไอ่เจลเนี่ย ขายสมาชิกมันเนี่ยแหละครับ ที่ขายออก
ด้วยคำชวนที่ว่า (เป็นสมาชิกได้ส่วนลด แต่ก็ยังแพงอยู่ดี)
ก็ใช่เลยครับ มันคือธุรกิจขายตรงครับ
ผมเกลียดมากๆครับพวกนี้ (ขอออกตัว)
เพราะมันเน้นขายคำว่าเพื่อน
คือตอนแรกๆที่ นาย A กับ B เข้ามา ผมก็เฉยๆ จะทำอะไรก็ทำไป ผมไม่ได้ขัดสนอะไรขนาดนั้น และผมก็กำลังเรียนอยู่
แต่พอมันเข้าใกล้ C D E และเพื่อนในกลุ่มผมสมัย มปลาย คนอื่นๆ ก็ทำให้ผมเป็นห่วงครับ
ค่าลงทุน หลักหมื่นๆ กับวังวนธุรกิจแบบนี้
ใครจะมีทัศนคติอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านครับ
แต่สำหรับผม มันคือการขายผ่านความเกรงใจ เพื่อนสนิท และญาติ (จำได้ว่าเคยมีคนมาโพสต์ในพันทิฟ เรื่องเสียเพื่อนเพราะขายตรง)

เข้าเรื่องครับ
ทำไมผมต้องโพสต์ในหว้ากอ...
เดี๋ยวโพสต์ต่อข้างล่างน้าาา

ปัญหาที่แก้ไม่ตก เพื่อนๆช่วยให้คำแนะนำทีค่ะ ผมบาง หลุมสิว รอยดำ ผิวหน้าคล้ำกว่าคอ ผิวไวต่อแดด(กิ๊ฟทั่วถึงค่ะ นานๆมาที)

ตอนนี้กลุ้มใจมากเลยค่ะ ไม่มั่นใจตัวเองมากๆ ผมเราบางลงจนเริ่มเห็นหนังศรีษะ จากอาการผมร่วง

ทั้งที่เราก็พยายามหาสาเหตุและพยามแก้ แต่ก็ไม่เป็นผล ตั้งแต่หาหมอ,
กินวิตามิน,น้ำมันมะพร้าว,งาดำ,มะกรูด,เปลี่ยนยาสระผม,ฝังเข็ม,และอีกหลายรูปแบบค่ะ

จนเริ่มจะถอดใจ (เราใช้ minoxidil ไม่ได้ค่ะ ทาปุ๊บปวดหัว ตุ๊บๆเลย ) ตอนนี้ง่ามรูปตัว M ตรงหน้าผากออกมาให้เห็นชัดเจนแล้วค่ะ (T-T)



อีกทั้งยังมีปัญหาผิวหน้าที่ไวต่อแดดมากๆ เป็นผลจากการใช้ยารักษาสิว
เนื่องจาก 2 ปีที่แล้ว ไปแพ้ชุดพื้นฐานของ Amwayมา เกิด สิวอุดตันเม็ดใหญ่ๆฝังอยู่ใต้ผิวหน้าเต็มไปหมด

ก็เริ่มหาข้อมูลที่นี่แหล่ะค่ะแล้วก็สรรหามาใช้ Roac..,Benzac, skinoren, stiva a, Obagi, aspirin,ปัถวี, มันยาวค่ะไม่ไหวจะพิม เฮ้อ!

ตอนนี้ ผิวหน้าคล้ำกว่าคอมาก น่าเกลียดมากเลย สีผิวต่างกันหลายเฉดมากเลยค่ะ คอขาวเนียนกิ๊ง พอทาครีมกันแดด เจ้าสิวอุดตันแบบอักเสบ ก็พากันมาเห่อเต็มใบหน้า

เราก็เลยไม่ใช้กันแดดตัวไหนเลยเพราะล่าสุดก็ เพิ่งจะช้ำใจกับ La roche posay Anthelios Fluide spf 40+ ไปค่ะ

และไหนยังมีรอยดำค้างปี ที่สะสมมาตั้งแต่อดีตกาล และปัญหาหลุมสิว+รูุขุมขนกว้าง อีกค่ะ



ตอนนี้สิวเรายังมีอยู่แต่ก็ดีขึ้นในระดับนึง จากการเริ่มมาดูแลเรื่องการกินอาหารอีกครั้ง แต่ปัญหาที่ทำให้เราไม่อยากจะออกไปไหนเลยก็

1.ผมบาง หัวลีบ ทำผมทรงไหนก็ไม่ได้ ตัดสั้นมาตลอด แต่ก็ยังร่วงงง(หน้าเราก็บาน เลยไม่มีผมคอยมาปิดเลย)

2.ผิวหน้าที่คล้ำกว่าผิวคอ ไม่รู้จะกลบเกลื่อนเช่นไร เพราะเราไม่ได้แต่งหน้า (ใช้แป้งต่างๆ แล้วเป็นสิวอุดตัน เช่นกัน)

3.รอยดำ + หลุมสิว

จะแก้ปัญหา 3 ข้อข้างต้น หรือบรรเทาให้เบาลงบ้างได้ยังไงคะ เพื่อนช่วยให้ความคิดเห็น และ คำแนะนำด้วยค่ะ (เราไม่เหลือความั่นใจแล้วค่ะ)

เซ็งมาก!!! เพื่อนขาย "แอมเวย์" !!

คือ ไม่ได้ว่าสินค้าเขานะ จริงๆสินค้าเขาก็ดีพอใช้ได้

แต่ตำหนิเพื่อนหน่อย...คือมันไม่เหมือนคนเดิม ไม่รู้จักเวร่ำเวลา เวลาไหนคุยกับลูกค้า เวลาไหนคุยกับเพื่อน จะตะล่อมให้เราเข้าแอมเวย์ของมันให้ได้

สมัยก่อนก็รู้ใจกันอยู่ ถ้าใครบอกว่าไม่เอาคำเดียว ก็ไม่ต้องพูดถึง...แต่นี่ พูดไม่รู้ก็ครั้งแล้วว่า ไม่เอาๆ ไม่เข้า ไม่สนใจ!! คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวทีไร สุดท้ายก็วกเข้าเรื่องแอมเวย์ของมันจนได้!!

เซ็งมาก!!!

อยากรู้ว่างาน parttimeที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นไงเหรอ

เห็นเค้าประกาศรับสมัครงาน part time คีย์ข้อมูล โดยใช้อินเทอร์เน็ตทำงานที่บ้านประมาณนี้ เค้าให้เราทำงานอะไรเหรอครับ ใครรู้ช่วยแนะนำด้วยว่าควรทำไหมครับ แล้วรายได้ดีอย่างที่เค้าบอกจริงหรือเปล่า

เพื่อนไม่เคยเจอกัน 10 ปี โทรหา ทำไงดี?

มันจะคิดถึง หรือ มันจะยืมตังค์ผมเนี่ยะ รึว่ามันจำได้ที่ผมเอาหนังสือเรียนมันไปซ่อนตอน ม.4 เครียดดดดดด.

ขอบ่น กระทู้เสียความรุ้สึกกับเพื่อนไม่เจอตั้งนานโทรมาหาเราเพื่อ...

เริ่มเรื่องเลยะนะคะ ขอระบายและเป็นอุทาหรณ์สำหรับเพื่อนๆในห้องนี้นะคะ เราเคยมีเพื่อนร่วมงานคนนึง เค้าลาออกไปได้หลายปีแล้วค่ะ ก็โทรหากันบ้างนานๆ แต่ไม่ได้ติดต่อกันเป็นประจำ หรือกินข้าวกันแบบนั้นไม่มีนะคะ

กระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ เค้าก็โทรหาเรา เราก็รับสายชวนเราคุยนั่นๆนี่ๆ เราก็คุยไปด้วยตามประสาคนเคยร่วมงานกันและเราก็เคารพเค้าเพราะเป็นพี่เราหลายปีอยู่ สักพักเค้าก็เล่าวอาการนอนไม่หลับของเค้าดีขึ้นมาก พ่อที่ไม่สบายก็ดีขึ้น รู้มั้ยว่าใช้อะไร เราตื่นเต้นตาม ถามว่าเพราะอะไร ....


เท่่านั้นแหละคะเค้าก็สาธยายคุณสมบัติของสินค้าให้เราฟัง สรุปคือจะชวนเราไปฟังคุณสมบัติของสินค้าตัวนี้ด้วยกัน เราก็อ้าวว โทรหาเราเพราะเรื่องนี้เองเหรอ เราก็เสียความรู้สึกนิดๆ ว่าอะไรกันเนี่ย


เราบอกว่าไม่รู่จะว่างวันไหน เพราะงานอย่างที่รู้คือเอาแน่่เอานอนไม่ได้จริงๆ แต่ลึกๆแล้วคือไม่ชอบค่ะ แต่ไม่รู้จะบอกยังไว เราก็ไม่อยากให้เค้าโกรธหรือคิดว่าเรารังเกียจ ก็ทนฟังเค้าเกลี้ยกล่อมไปเรื่อยๆๆ สักครึ่งชม.ได้ สรุปเค้าบอกว่าจะหาวันว่่างๆและจะโทรมานัดเราอีกรอบ


เมื่อวาน เค้าก็โทรมาอีกรอบค่ะ จัดการนัดเราวันพฤหัสหน้า เราก็ปฎิเสธว่าไม่ว่าง เพราะอาจไปต่างจังหวัด เค้าก็เริ่มบ่นว่าอะไรกัน นั่นๆนี่ๆ เราเลยหมดความอดทน เลยบอกไปตรงๆว่า เราไม่เถียงว่าสินค้าไม่ดี มันคงจะดีแหละคนที่ใช้ถึงพอใจ แต่เราไม่อยากได้จริงๆ เราเฉยๆ เค้าบอกว่าไม่บังคับให้ซื้อ แต่อยากให้ไปฟัง


เราบอกว่าเท่าที่พี่พูดมานี่ก็รู้หมดแล้วเนี่ยว่ามันดียังไง ไม่ต้องไปฟังหรอก เค้าบอกว่าไม่ได้ๆ ยังไงก็ต้องไปฟังอยากให้เห็น ให้รู้จริงๆ เราก็อะไรหว่า "พี่ไม่ได้บังคับให้เรามาขายตรงหรือซื้อของกับพี่นะ ไม่แล้วไม่ซื้อไม่อะไรก็ได้ แต่อยากให้ไปฟัง" เราก็งั้นก็มีค่าเท่ากันแหละ ฟังที่พี่พูดตอนนี้กับไปฟังจริงก็เท่ากัน เราเข้าใจทุกอย่างแล้วล่ะ เค้าก็ไม่ยอมท่าเดียว


สุดท้ายเราบอกว่า เราไม่ไปหรอก ถ้าอย่างนั้นอย่ามาบังคับเราเลยเราเกรงใจเพราะไปแล้วเราก็คงไม่หือ ไม่อือด้วย อีกอย่างเราก็ไม่ได้อยากรวยขนาดนั้น เพราะเค้าพยายามบอกว่าสินค้าตัวนี้ขายได้อยู่แล้วเพราะเป็นของดีจริงๆ อยากใได้ลองใช้ ถึงขั้นจะเอามาให้เราลอง จะมารับเราถึงที่ทำงาน คิดดูสิคะว่า ดีขนาดนี้พอไปฟังจริงหากเราโดนรุมจากบรรดาพนักงานขายจริงๆเราคงเครียดน่าดู เราบอกเราไม่มีตังค์ไปแล้วก็ไม่มีเงินซื้อหรอก เค้าก็บอกรูดบัตรก็ได้นะ เราบอกไม่มีบัตรอะไรทั้งนั้นๆๆๆๆ บลาๆๆๆ


สุดท้ายของท้ายสุด เค้าก็บอกเสียงสะบัดๆว่า งั้นสรุปว่าไม่ไปใช่มั้ยเนี่ย งั้นพี่จะไม่โทรหาเราอีกแล้วนะ เพราะเราไม่เปิดใจ จะได้รู้ไว้ (ประมาณนี้แหละค่ะ) เราก็ อืมๆๆ ไม่ได้ตอบโต้อะไร วางสายไป ไม่ถึงสองนาที ก็โทรมาอีกว่า ไม่ได้โกรธเรานะยังไงมีอะไรก็โทรหากันได้อีกนะ และขอโทษที่โทรมารบกวน เราก็งง อะไรเนี่ย ก็ขำๆอ่ะค่ะ ว่าคนไม่ได้ติดต่อกันนาน หากโทรมาหากันเนี่ยเพื่อสิ่งนี้เองเหรอ จู่ๆก็มาสะบ๊อบใส่เรา มีเหวี่ยงใส่เฉยเลย ฮ่วย หรือว่าปีชงหว่า หุหุ


ปล.ใครมีวิธีการจัดการกับคนเหล่านี้โปรดแนะนำ แต่เราว่าพี่เค้าคงไม่โทรมาแล้วล่ะ เพราะเราก็ชัดเจนไปแล้วว่าไม่สนใจ

อ่อ ลืมมีอีกเคสนะคะเคยมีเคสอย่างนี้เหมือนกันนานแล้วลูกน้าขายผลิตภัณฑ์ขนิดหนึ่งจากอเมริกายี่ห้อ A ก็พาหัวหน้าทีมมาหาเราที่บ้านค่ะ (โดยไม่ได้นัดหมายนึกว่าคิดถึงมาเยี่ยม)เราก็ต้อนรับขับสู้ในฐานะเจ้าบ้าน รินน้ำเย็นให้ เชื่อมั้ยว่าเค้ามองน้ำเราแบบเหยียดๆ จากนั้นก็เสนอขายเครื่องกรองน้ำ บรรยายคุณสมบัติมาให้เราฟัง บลาๆๆๆ เราก็บอกว่าดีนะ แต่ไม่มีตังค์ ถ้าสนใจจะติดต่อกลับไปนะคะ

จากนั้นเค้าก็ให้เราสมัครสมาชิก เราก็ปฎิเสธว่าไม่ล่ะคะ ถ้าจะซื้อจะซื้อผ่านลูกน้าก็ได้ แล้วเค้าก็คงฉุนน่ะค่ะ บอกว่า เนี่ยทำงานประจำอย่างนี้เมื่อไรจะได้ไปเที่ยวเมืองนอก เงินเดือนไม่พอใช้นะคะ (แต่เค้าพูดด้วยท่าทีที่นิ่มนวลแต่เชือดเฉือนและดูถูกเรา) เราก็ฉุน เลยสวนไปว่า งานที่เราทำอยู่ถึงเงินเดือนไม่มาก แต่เราก็ได้ไปเที่ยวเมืองนอกเฉลี่ยสามครั้งต่อปี โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเสริมเพื่อจะได้ไปเที่ยว และที่สำคัญประเทศที่คุณบอกว่าจะได้ไปหาทำยอดได้ เราไปมาแล้ว เราไม่ได้อยากรวยขนาดนั้น ขอบคุณนะคะ พูดจบเราก็มองหน้าน้องเรา เท่านั้นก็พากันขนข้าวของกลับไปแทบไม่ทัน

ใครมีประสบการณ์ประมาณนี้แชนร์กันได้นะคะ หุหุ

รบกวนชาวหว้ากอไปช่วยออกความคิดเห็นเพื่อเตือนสติคนที่ตกเป็นเหยื่อ MLM กันหน่อยครับ

มีคนที่เราคุ้นๆกันด้วยนะครับ ในกระทู้นี้

http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B8931927/B8931927.html

และแล้ว..ผมก็โดนเพื่อนที่ทำงานชวนไปฟังบรรยายAmway จะปฏิเสธยังไงดีครับ

คือว่าเพื่อนที่ทำงานผม3คนเข้าเคร่งลัทธิแอมเวย์มาก
ใช้จิตวิทยาหมู่กับผมชวนไปฟังบรรยายแอมเวย์ที่รามคำแหง30(เราอยู่ชลบุรีอ่ะ ต้องไปไกลถึงนั่นเชียวหรอ...-_-")
เพื่อนคนนึงค่อนข้างสนิทพอสมควร เพราะนั่งทำงานอยู่โต๊ะข้างๆ
ผมจะปฏิเสธเค้ายังไงดีครับ บอกไปตรงๆเลยดีไหม เราไม่ชอบงานขายแบบนี้เลยอ่ะ ไม่มีเวลาด้วยครับ
ขอทำงานประจำเฉยๆแบบนี้ดีกว่า ไม่อยากหางานอื่นใส่ตัว


เครื่องกรองน้ำแบบนี้ทำได้จริงหรือ

ราคาเต็ม 34,310 บาทค่ะ

ได้รับการรับรองว่าเป็นเครื่องกรองน้ำดื่มที่ดีที่สุดในโลกในปัจจุบัน

มีระบบการกำจัดสิ่งปนเปื้อนถึง 2 แบบ คือ กรองผ่านคาร์บอนกัมมันต์ และหลอด ultraviolet ความเข้มแสงสูง


คุณสมบัติ

- กำจัดสารปนเปื้อนได้มากกว่า 140 ชนิด ทำให้สามารถกำจัดสารปลอมปนในน้ำได้ทุกอย่าง

- ขจัดกลิ่น สี และปรับปรุงรสชาติของน้ำให้ดีขึ้น ทำให้น้ำมีรสชาติดี น่ารับประทาน

- กำจัดอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.03 ไมครอน (ประมาณ 1/300 ส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์)

- กำจัดโลหะหนักจำพวก สารตะกั่ว ปรอท แคดเมียม คลอรีน ฯลฯ ในน้ำดื่ม

- กำจัดสารพิษที่ปนเปื้อนในน้ำดื่ม เช่น ยาฆ่าแมลง สารเคมี สารพิษจากสาหร่ายพิษ เป็นต้น

- ไม่กำจัดแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ฟลูออไรด์ เป็นต้น

- กำจัดเชื้อโรคทุกชนิด ทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสในน้ำได้มากกว่า 99.999%

- ปลอดภัยมากๆๆ น้ำที่ผ่านการกรองแล้วนำไปรับประทานได้เลย ไม่ต้องผ่านกระบวนการฆ่าเชื้ออย่างอื่นอีก แม้แต่เด็กทารกหรือเด็กเล็กๆก็รับประทานได้เลยเช่นเดียวกัน


เห็นเจ้าของเอามาปล่อยขายถูกๆ

จดหมาย จากลูก ถึง พ่อแม่ ที่ต่อต้าน ลูกมาทั้งชีวิต [Herbalife เอาครอบครัวของผมคืนมา]

สวัสดีครับ เพื่อนๆชาว สีลม
เรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตครอบครัวของผม ที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ขอยืนยันว่าเป็นเรื่อง จริงทุกประการ และผมก็ไม่คิดเลยว่า สิ่งที่ผม ต่อสู้เพื่อคนอื่นมาตลอด มันจะมาเกิดขึ้นกับครอบครัวผมโดยตรงโดยที่ทำอะไรไม่ได้

เรื่องมันมีอยู่ว่า น้องสาวของผม หลังจากที่เรียนจบแล้ว ก็ไม่ยอมหางานหาการทำ วันๆ นั่งเล่นแต่เกมส์ ออนไลด์ พ่อแม่ใช้ให้ช่วยทำงานบ้านก็ไม่ค่อยจะช่วย จนถูกญาติพี่น้องกดดันให้หางาน

และแล้วน้องสาวผมเลิกเล่นเกมส์ได้ครับ เปลี่ยนเป็นออกจากบ้านไปแทน แต่ไม่เคยบอกที่บ้านเลย ว่าออกไปไหน ออกไปทำอะไร รู้แต่ตื่นมาออกไปตอนเที่ยงวัน กลับบ้านมาอีกทีก็ หลังเที่ยงคืน บางวันก็ ตีสาม ตีสี่

คุณแม่ขอผมก็เป็นห่วง ต้องอยู่รอ เปิดประตู ทุกวัน ดึกแค่ไหนก็ต้องอยู่รอ จะถาม ซักไปซักมา ก็ บอกว่าไปประชุมเกี่ยวกับการลงทุน เกี่ยวกับการทำงาน ก็คิดว่า อย่างน้อยมันก็มีแสงสว่างมากกว่า นั่งเล่นเกมส์ไปวันๆ

จนมาวันหนึ่ง น้าผมก็ฝากเงินมาให้แม่ผม บอกว่าฝากมาให้น้องผม แม่ก็ถามกลับไปว่า ฝากมาทำไม น้าผมก็บอกว่า น้องผมโทรมาขอยืมเงิน บอกว่า ทำโน๊ตบุ๊คเพื่อนตกน้ำ จะยืมเงินไปซื้อใช้ แล้วจะทำงานหาเงินมาคืน
ซึ่งแม่ผมไม่เคยรู้เรื่องเลย และก็คิดว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแน่ๆ เพราะ ปกติ น้องผมมีปัญหาอะไรก็จะบอกแม่หมด จึงกลับไปซักไซร้ไล่เลียง ก็ สารภาพออกมาว่า จะเอาเงินไปเปิดแต้มกับ เฮรอร์บาไลฟ์ สามหมื่นกว่าบาท
พอน้าผมรู้ ญาติๆรู้ก็ช่วยกันห้ามปราม เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่า ธุรกิจแบบนี้ มันเป็นยังไง ต่างคนต่างมีเพื่อนที่โดนลวง และหมดเงินเป็นแสนๆไปกับกลุ่มคนพวกนี้มานักต่อนักแล้ว ไม่อยากให้น้องสาวผม ซึ่งเป็นคนที่เชื่อคนอื่นง่าย(ยกเว้นพ่อแม่) และก็ดื้อ หัวรั้น หรือพูดง่ายๆว่า ไม่ค่อยทันคน
ตกเข้าไปเป็นเหยื่อของคนพวกนี้ (ซักไปซักมา ลุงผมก็โดนยืมเงินโดยหลอกเรื่องโน๊ตบุ๊ค และก็โอนเงินมาให้น้องผมก่อนหน้านี้ไปแล้วเหมือนกัน ซึ่ง โดยปกติแล้วครอบครัวผม พ่อผม แม่ผม อยู่มา ห้าสิบกว่าปี ไม่เคยเลย ที่จะต้องโกหกเพื่อที่จะมายืมเงินคนอื่น ไม่มีก็อยู่แบบไม่มี แม่ผมเลยเครียสมาก ทำงานไม่ได้ไป สามวัน)

แต่การห้ามปราม ตักเตือน ของพ่อแม่ผม ไม่เป็นผลเลย ว่าก็ก็เถียงว่า พ่อแม่ไม่ใช่นักธุรกิจ พ่อแม่ไม่ได้ไปฟังเอง จะไปรู้อะไร ใครเตือนอะไรก็ไม่ฟัง เถียงกันจนแม่ผมเครียด ซึ่งน่าเป็นห่วงมากเพราะแกเคยเป็นโรคเส้นเลือดในสมอง แตกมาแล้ว (ทุกวันนี้ต้องไปทำกายภาพบำบัด โรงพยาบาลทุกอาทิตย์)

สุดท้าย น้องผมก็ รวบรวมเงินเก็บ และเงินไปที่หยิบยืมมาจากไหนก็ไม่รู้ ไปซื้อของเปิดแต้ม สามหมื่นกว่าบาทได้สำเร็จ

ทางบ้าน ก็จนปัญญาที่จะห้าม เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งเถียง พฤติกรรมน้องผมก็ กร้าวร้าวรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ใครว่าอะไรไม่ได้เลย จนสุดท้าย เราจึงคุยกันว่า สงสัยคงต้องปล่อยให้ สามหมื่นตรงนี้ มันหมดไป แล้วให้มันรู้ตัวของมันเอง
เราก็เลยต้องทำใจ ปล่อยให้มันซื้อของไป และก็คงต้องกินเองไปอีก 2 ปี เพราะโดยส่วนตัวก็เชื่อว่า มันขายไม่ได้อยู่แล้ว แค่ ค้นหาในกูเกิ้ลก็เจอของลดราคามากกว่าครึ่ง เทขายกันเกลื่อนกลาด

แต่พฤติกรรม ของน้องสาวผมก็ไม่หยุดอยู่แค่นี้ น้องผมได้ขอเบอร์เพื่อนพ่อเพื่อนแม่ ญาติพี่น้องต่างๆ มากมาย โทรไปขายของ ตื้อคนนู้น ตื้อคนนี้ จนเพื่อนแม่ผมโทรมาต่อว่าแม่ผม
คนรอบข้างเดือดร้อนกันไปหมด พอขายไม่ได้ก็มาต่อว่าแม่ผมว่า ไม่สนับสนุน ขัดขวาง ต่อต้านมัน
วันๆก็ นั่งส่งอีเมล์ เป็นพันๆ รายชื่อ ส่งไปเรื่อง ทำงานผ่านเนต แค่กรอกข้อมูล รายได้ หลักพันหลักแสน คลิ๊กที่นี่เลย นั่งส่งเป็นพันๆ

จนมาวันนี้ มันมาถามหาแหล่งเงินกู้จากแม่ผมอีก บอกว่าต้องการอีก แปดหมื่นกว่าบาท ต้องปิดยอดให้ได้ วันนี้ ซึ่งเดิมที มันบอกว่า ก็จะขายของ ชุด สามหมื่นเจ็ดพันบาทนี้ให้หมด ( ได้ของวันที่ สิบเก้าเดือนนี้) แล้วเอาเงินมาซื้อ ชุดแปดหมื่นนี้ทีหลัง ซึ่ง จนวันนี้แล้ว มันขายไม่ได้เลยซักชิ้นเดียว
ชงกินเองหมด ชงให้คนในบ้านกิน ซึ่งที่บ้านก็ไม่มีใครกิน เพราะ ไม่ชอบ ไม่อร่อย และทรมาณ (คนในบ้าน มีให้กินฟรีแล้วยังไม่กิน ผมก็ไม่รู้ว่า คนนอกบ้าน ใครมันจะอยากซื้อมากิน)

ซึ่งมันผิดคาดจากที่ทางบ้านเราคุยกันไว้ คือ สามหมื่นแรก แล้ว มันยังไม่จบ มันต้องการอีก แปดหมื่น รวมเป็นแสนกว่าบาท จึงไม่มี ใครยอมให้มันทำอีกแล้ว
น้องผมก็โวยวาย กร้าวร้าวอย่างหนัก พูดอะไรก็สวนกลับมาด้วยคำพูดที่ ทั้งชีวิต ไม่เคยได้ยินออกมาจากปากของมัน (เหมือนเอา สริปที่ไหนมาพูด) ว่าอะไรไปก็สวนๆ ว่า พ่อแม่ไม่ได้ไปฟังเองพ่อแม่ไม่รู้ ทนเป็นมนุษย์เงินเดือนจนๆ แบบนี้มาได้อย่างไร
แล้วมันก็ขโมยเบอร์โทรศัพท์จาก โทรศัพท์แม่ไปโทรหาใครบ้างก็ไม่รู้ ซึ่งแม่ผมก็ต้องคอยพยายามโทรเช็ค ว่า หากน้องผมโทรไปขอยืมเงินก็อย่าให้ มันจะเอามาทำ เฮอร์บาไลฟ์

สิ่งที่ทางบ้านผมกลัวที่สุดก็คือ มันจะไปหาเงินกู้นอกระบบ (ในระบบคงไม่มี เพราะจบใหม่ไม่มีเงินเดือน คงไม่มีใครให้กู้ได้) แล้วสุดท้ายก็ไม่มีเงินไปคืนเค้า ต้องถูกตามทวง ซึ่ง สุดท้ายแล้ว คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องหาเงินไปใช้คืน

วันนี้ ก่อนออกจากบ้านไป น้องผมได้เขียน จดหมายถึงพ่อแม่ผม แสดงความน้อยใจ ต่างๆ นานาๆ หาว่า ผมลงทุนเปิด บริษัท ส่วนตัว พ่อแม่ก็ช่วยเรื่องเงินกู้ให้ แต่ทำไม น้องผมจะขอให้ช่วยบ้าง ไม่ได้ ซึ่งผม อยากจะบอกให้น้องผมได้รู้ว่า ผม มีเงินเดือนจ่ายค่างวดเงินกู้ได้เองทุกเดือน เพราะ มีงานประจำทำอยู่แล้ว ซึ่งต่างจากน้องผม ที่ ตอนนี้ยังไม่มีรายได้อะไร

เนื้อหาในจดหมาย ดังรูปที่แนบมาด้านล้างนะครับ

*** ซึ่ง ผมอยากจะมาขอความช่วยเหลือจากสมาชิก ห้องนี้ครับ ว่า จะจัดการกับเรื่องดังกล่าวนี้ได้อย่างไร ดี ทางผมเอง และ ทางบ้านก็จนปัญญาแล้ว ไม่อยากเสียเงินแสนไปฟรีๆ ซึ่ง สำหรับครอบครัวผม เงินจำนวนนี้ ถือว่า มากเอาการเลยทีเดียว ขอร้องละครับ

มีเพื่อนมาชวนทำแอมเวย์

มีเพื่อนมาชวนทำแอมเวย์

เพื่อนผมมาชวนทำแอมเวย์

แต่ผมเคยได้ยินว่าเค้าหรอก
อยากรู้ว่าเค้าหรอกยังไง
ถามอีกนิดนึง
1แผนการตลาดหลอกหรือไม่
2สินค้าดีจริงรึป่าว
3ความมั่นคงของธุรกิจ
4ทำไมคนไทยถึงเกลียดงานขายตรง
5และทำไมคนทั่วไปชอบบอกว่าหรอก

อ่านต่อ: http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B8907209/B8907209.html

ถ้าไม่ยับเรื่องการตลาดแบบธุกิจขายตรงแล้วสินค้า AMWAY เป็นสินค้าที่ดีมั้ยครับ

ถ้าไม่ยับเรื่องการตลาดแบบธุกิจขายตรงแล้วสินค้า AMWAY เป็นสินค้าที่ดีมั้ยครับ

ถ้าไม่นับในเรื่องที่ชาวหว้ากอแอนตี้แอมเวย์แล้ว ขอบใช้แอมเวย์นี่นับว่าดีมั้ยครับ ไม่ว่าจะเป็น หม้อกรองน้ำ,อาหารเสริม,ยาสีฟัน,ผงซักฝอก ฯลฯ
ปล.ตัดประเด็นเรื่องธุรกิจนะครับ

อ่านต่อ: http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8865495/X8865495.html

มีสาวสวยมาแนะนำธุรกิจ AIMSTAR ให้กับผมครับ ช่วยหาช่องโหว่ให้หน่อย เริ่มเคลิ้มแล้วครับ

มีสาวสวยมาแนะนำธุรกิจ AIMSTAR ให้กับผมครับ ช่วยหาช่องโหว่ให้หน่อย เริ่มเคลิ้มแล้วครับ

มีสาวสวยมาแนะนำธุรกิจ AIMSTAR ให้กับผมครับ
ฟังแผนธุรกิจแล้ว ลงทุนต่ำ ทำง่ายมาก เป็นแบบ binary ทำงานกับเป็นทีม
เค้าทำมาครึ่งเดือนได้หมื่นห้าแล้ว ผมฟังแล้วเริ่ม ๆ เคลิ้ม
ยังไงอยากได้ข้อมูลด้านไม่ดีบ้างครับ ผม search หาในเน็ต ยังไม่เจอข้อมูลด้านไม่ดีของตัวนี้เลย

อ่านต่อ: http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B8810583/B8810583.html

แนวคิดการวิเคราะห์ธุรกิจ MLM เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ถูกหลอก

แนวคิดการวิเคราะห์ธุรกิจ MLM เพื่อป้องกันตนเองไม่ให้ถูกหลอก

สวัสดีครับ

ก่อนอื่น เจตนาของกระทู้นี้ต้องการระบาย + ให้ข้อเท็จจริงทางจิตวิทยา

++อยากให้ลองอ่านให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากันครับ++

จะได้นำไปเป็นแนวทางในการป้องกันตนเองได้ครับ

ก่อนอื่น คนเราทุกคนล้วนแต่มีสติ ความรู้ สามารถกลั้นกรองเนื้อหาได้

นั่นก็คือ เหตุ และ ผล นั่นเอง หลายๆธุรกิจทำแล้วมีคนประสบความสำเร็จ ทำแล้วมีรายได้ รวย

แต่ทำไมหลายๆคน บอกว่าหลอก ไม่จริง โกหกบ้าง

แล้วเราจะใช้ เครื่องมือใดเป็นตัวตัดสิน ธุรกิจนั้นๆล่ะ ว่าดีจริงหรือไม่ดีจริง

บางคนใช้ความรู้สึก + อารมณ์ + ประสบการณ์แย่ๆที่เคยเกิด = สิ่งนั่นเลวตลอดชาติ

ผมขอเรียกความคิดนี้ว่า ทัศนคติที่แคบ

มนูษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ มักกลัวในสิ่งที่ตนเองมองไม่เห็น เช่นผี ความมืด เป็นต้น

ดังนั้น มนุษย์ส่วนใหญ่ จึงต้องการความมั่นคงให้แก่ชีวิต เพื่อปกปิดความอ่อนแอของตนเอง

ฉะนั้นจึงไม่แปลกทีทำไมคนส่วนใหญ่ ชอบทำงาน ข้าราชการ หรืองานประจำที่มีความมั่นคง มีเงินเดือนเห็นๆหันเลย ว่าได้เดือนล่ะเท่าไหร่

แต่กลับ กลัวที่จะลงทุน ทำธุรกิจ เพราะนั่น มันมีความเสี่ยงและตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ในบางครั้ง

ฉะนั้น กลุ่มคน ที่ต้องการความมั่นคงในชีวิตจึงกลัว ทำว่าความเสี่ยง

และผูกมัดชีวิตตนเองกับความมั่นคง ที่ผมกำลังจะบอกว่ามันเป็นความมั่นคงที่ไม่แท้จริง

เพราะอะไร ?? ผมจึงบอกแบบนี้

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่มีใครหรอกครับที่ไม่ชอบความสบาย แต่กว่าความสบายนั่นจะได้มา มันต้องแลกด้วยความยากลำบากก่อนเสมอ

เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ที่เรียกว่า กฎของการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม

เช่น ก่อนสอบไม่ได้เข้าเรียนไม่ได้อ่านหนังสือ ทำตัวสบายๆชิวๆ เมื่อสอบ ย่อมได้คะแนนไม่ดี หากอีกคน ขยันอ่านหนังสือเข้าห้องสมุด ย่อมเหนื่อยกว่าคนแรกแน่นอน และเมื่อ สอบ ก็ย่อมได้คะแนนดีกว่า

ดังนั้น บนโลกมนุษย์ใบนี้ ไม่มีสิ่งใดที่ได้มา ฟรีๆ โดยง่ายๆหรอกครับ

ธุรกิจใดที่บอก คุณว่า งานนี้สบาย ได้เงินดี คำตอบคือ ไม่จริง

ตามกฎที่ผมบอกไปแล้วว่า กฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ไม่มีงานไหนที่สบายแล้วได้เงินดี (นอกจากโกงเค้ามา)

ดังนั้น นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่สามารถใช้วิเคราะห์ได้ว่า ธุรกิจนั่นจริง หรือ ลวง

แต่ถ้ามีธุรกิจไหนบอกคุณว่า งานนี้ต้องเหนื่อยน่ะถึงจะสำเร็จ ถือว่าผ่านข้อแรก ครับ


!++ประเด็นต่อมา++!

หลายคนบอก เกลียดธุรกิจ MLM

ก่อนอื่นคุณต้องแยกให้ออกระหว่าง ธุรกิจ ขายตรง และ ธุรกิจ MLM

MLM คือ muti level maketting

พูดง่าย คือ แผนการตลาดแบบหลายชั้น

คำถามคือ ทำไมต้องมีแผนนี้ขึ้นมาครับ เนื่องมากจากยุคสมัยก่อนการค้าเป็นแบบ

ผู้ผลิต ผลิตสิ้นค้า
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 40 %
l l (ส่งต่อให้แก่)
v
ผู้จัดจำหน่าย
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 30 %
l l (ส่งต่อให้แก่)
v
ผู้ค้าส่ง
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 15 %
l l (ส่งต่อให้แก่)
v
ผู้ค้าปลีก
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 15 %
l l (ขายให้แก่)
v
ผู้บริโภค รับเต็ม 100 %


---------------------------------

สมมุติ ผลิตน้ำ 1 ขวดราคา 10

ผู้ผลิต ผลิตสิ้นค้า
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 4 บาท
l l (ส่งต่อให้แก่)
v
ผู้จัดจำหน่าย
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 3 บาท
l l (ส่งต่อให้แก่)
v
ผู้ค้าส่ง
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 1.5 บาท
l l (ส่งต่อให้แก่)
v
ผู้ค้าปลีก
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 1.5 บาท
l l (ขายให้แก่)
v
ผู้บริโภค รับเต็ม 100 %


แต่ธุรกิจ MLM หรือ ขายตรง เป็นการนำ ผู้ผลิตและผู้บริโภคมาพบกันเอง

ผู้ผลิต ผลิตสิ้นค้า
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 40 %
l l (ส่งต่อให้แก่)
v
นักธุรกิจ
l l
l l - -> ได้ส่วนแบ่ง 60 %
l l (ขายให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง)
v
ผู้บริโภค รับเต็ม 100 %

ฉะนั้นแล้วรายได้ 60 % ไปไหน ?? ก็ไปให้แก่ผู้ที่ทำธุรกิจ MLM น่ะสิครับ

พูดง่ายๆ ก็คือ จากปกติเราซื้อของจาก บิ๊กซี คาร์ฟู โลตัส

ถามว่าวันนี้ ถ้าให้คุณชวนเพื่อนๆ ไปซื้อสินค้าที่ ห้างเหล่านั้น บิ๊กซี คาร์ฟู โลตัส เค้า จ่ายเงินให้คุณหรือเปล่า

คำตอบคือ ไม่จ่าย !!!

ฉะนั้น แล้ว ธุรกิจ MLM ถ้ามีลักษณะอย่างที่ผมกล่าวมา ย่อมปลอดภัยได้ในระดับหนึ่งว่า คุณอาจไม่ถูกหลอกได้


จากที่กล่าว หากมนุษย์เรา ใช้สติ ลองคิด พิจารณาด้วยเหตุและผลก็จะสามารถ แยกแยะ ได้ว่าสิ่งไหนเป็นเหตุ และ เป็นผล

บางคนบอกเกลียดธุรกิจ MLM เพราะคนขายชอบตื้อ บังคับ รำคาญ ฯลฯ

ที่คุณเกลียด คือ คุณ เกลียดคนขาย ไม่ได้เกลียด ธุรกิจ MLM

แต่คุณพาลไปเกลียดเท่านั้นเอง

ทำไมยังมีอีกหลายคนที่รักและชอบในธุรกิจนี้ ก็เพราะเค้าเจอคนขายที่ดี

แต่อีกหลายคนเจอประสบการณ์ที่แย่ ก็น่าเห็นใจ


ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้นำไปเป็นข้อมูลพิจารณาเพื่อไม่ให้ตนเองนั้นถูกหลอก

เพราะข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คุณพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้


ผมมีเรื่องเล่าหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟังครับ

สมมุติว่าคุณเองกำลังนั่งอยู่ในรถเมล์ ครีม แดง คันหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงตรง อากาศในรถร้อนมากกกก ผู้คนในรถต่างยืนเบียดเสียดกัน

ปรากฎมีผู้ชายคนหนึ่ง ขึ้นมาบนรถเมล์พร้อมอุ้มลูกของเค้าไว้บนบ่ามีผู้เสียสละให้เค้านั่ง

ซึ่งเด็กคนนี้ร้องไห้เสียงดังมาก ตั้งแต่ขึ้นมาบทรถแล้วว

แต่ผู้เป็นพ่อคนนี้ก็ไม่ได้ ห้ามปราม หรือบอกลูกให้หยุดร้องแต่อย่างใด

คุณเอง ก็ร้อนมากก ครับ เหงื่อไหลทวมตัว ผู้คนเบียดเสียด แถมมาได้ยินเสียงเด็กร้องอีกก

คุณก็อดทนครับ ว่าเดี๋่ยวสักพักคงหยุดร้อง

แต่เด็กก็ยังร้องเสียงดัง และผู้เป็นพ่อก็ไม่ยอมห้ามลูกเสียที

คุณรู้สึกทนไม่ไหวแล้วว

จึงเดินตรงไปถามผู้เป็นพ่อคนนั้นว่าทำไมไม่บอกให้ลูกหยุดร้องหรือทำให้ลูกหยุดร้องสเสียที


ชายผู้เป็ยพ่อคนนั้นกล่าวว่า เด็กคนนี้เค้าเพื่อ " เสียแม่ " ไปเมื่อ 10 นาที ครับ


หากเป็นคุณๆจะคิดอย่างไร

.............

ช่วงนี้ผมสอบอยู่ คงต้องขอตัวไปอ่าหนังสือต่อ

แล้วเดี๋ยวจะมาต่อ อีกครับ ยังมีอีกมากเลยยย

อ่านต่อ: http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8418906/X8418906.html