Saturday, March 27, 2010

จดหมาย จากลูก ถึง พ่อแม่ ที่ต่อต้าน ลูกมาทั้งชีวิต [Herbalife เอาครอบครัวของผมคืนมา]

สวัสดีครับ เพื่อนๆชาว สีลม
เรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตครอบครัวของผม ที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ขอยืนยันว่าเป็นเรื่อง จริงทุกประการ และผมก็ไม่คิดเลยว่า สิ่งที่ผม ต่อสู้เพื่อคนอื่นมาตลอด มันจะมาเกิดขึ้นกับครอบครัวผมโดยตรงโดยที่ทำอะไรไม่ได้

เรื่องมันมีอยู่ว่า น้องสาวของผม หลังจากที่เรียนจบแล้ว ก็ไม่ยอมหางานหาการทำ วันๆ นั่งเล่นแต่เกมส์ ออนไลด์ พ่อแม่ใช้ให้ช่วยทำงานบ้านก็ไม่ค่อยจะช่วย จนถูกญาติพี่น้องกดดันให้หางาน

และแล้วน้องสาวผมเลิกเล่นเกมส์ได้ครับ เปลี่ยนเป็นออกจากบ้านไปแทน แต่ไม่เคยบอกที่บ้านเลย ว่าออกไปไหน ออกไปทำอะไร รู้แต่ตื่นมาออกไปตอนเที่ยงวัน กลับบ้านมาอีกทีก็ หลังเที่ยงคืน บางวันก็ ตีสาม ตีสี่

คุณแม่ขอผมก็เป็นห่วง ต้องอยู่รอ เปิดประตู ทุกวัน ดึกแค่ไหนก็ต้องอยู่รอ จะถาม ซักไปซักมา ก็ บอกว่าไปประชุมเกี่ยวกับการลงทุน เกี่ยวกับการทำงาน ก็คิดว่า อย่างน้อยมันก็มีแสงสว่างมากกว่า นั่งเล่นเกมส์ไปวันๆ

จนมาวันหนึ่ง น้าผมก็ฝากเงินมาให้แม่ผม บอกว่าฝากมาให้น้องผม แม่ก็ถามกลับไปว่า ฝากมาทำไม น้าผมก็บอกว่า น้องผมโทรมาขอยืมเงิน บอกว่า ทำโน๊ตบุ๊คเพื่อนตกน้ำ จะยืมเงินไปซื้อใช้ แล้วจะทำงานหาเงินมาคืน
ซึ่งแม่ผมไม่เคยรู้เรื่องเลย และก็คิดว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแน่ๆ เพราะ ปกติ น้องผมมีปัญหาอะไรก็จะบอกแม่หมด จึงกลับไปซักไซร้ไล่เลียง ก็ สารภาพออกมาว่า จะเอาเงินไปเปิดแต้มกับ เฮรอร์บาไลฟ์ สามหมื่นกว่าบาท
พอน้าผมรู้ ญาติๆรู้ก็ช่วยกันห้ามปราม เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่า ธุรกิจแบบนี้ มันเป็นยังไง ต่างคนต่างมีเพื่อนที่โดนลวง และหมดเงินเป็นแสนๆไปกับกลุ่มคนพวกนี้มานักต่อนักแล้ว ไม่อยากให้น้องสาวผม ซึ่งเป็นคนที่เชื่อคนอื่นง่าย(ยกเว้นพ่อแม่) และก็ดื้อ หัวรั้น หรือพูดง่ายๆว่า ไม่ค่อยทันคน
ตกเข้าไปเป็นเหยื่อของคนพวกนี้ (ซักไปซักมา ลุงผมก็โดนยืมเงินโดยหลอกเรื่องโน๊ตบุ๊ค และก็โอนเงินมาให้น้องผมก่อนหน้านี้ไปแล้วเหมือนกัน ซึ่ง โดยปกติแล้วครอบครัวผม พ่อผม แม่ผม อยู่มา ห้าสิบกว่าปี ไม่เคยเลย ที่จะต้องโกหกเพื่อที่จะมายืมเงินคนอื่น ไม่มีก็อยู่แบบไม่มี แม่ผมเลยเครียสมาก ทำงานไม่ได้ไป สามวัน)

แต่การห้ามปราม ตักเตือน ของพ่อแม่ผม ไม่เป็นผลเลย ว่าก็ก็เถียงว่า พ่อแม่ไม่ใช่นักธุรกิจ พ่อแม่ไม่ได้ไปฟังเอง จะไปรู้อะไร ใครเตือนอะไรก็ไม่ฟัง เถียงกันจนแม่ผมเครียด ซึ่งน่าเป็นห่วงมากเพราะแกเคยเป็นโรคเส้นเลือดในสมอง แตกมาแล้ว (ทุกวันนี้ต้องไปทำกายภาพบำบัด โรงพยาบาลทุกอาทิตย์)

สุดท้าย น้องผมก็ รวบรวมเงินเก็บ และเงินไปที่หยิบยืมมาจากไหนก็ไม่รู้ ไปซื้อของเปิดแต้ม สามหมื่นกว่าบาทได้สำเร็จ

ทางบ้าน ก็จนปัญญาที่จะห้าม เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งเถียง พฤติกรรมน้องผมก็ กร้าวร้าวรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ใครว่าอะไรไม่ได้เลย จนสุดท้าย เราจึงคุยกันว่า สงสัยคงต้องปล่อยให้ สามหมื่นตรงนี้ มันหมดไป แล้วให้มันรู้ตัวของมันเอง
เราก็เลยต้องทำใจ ปล่อยให้มันซื้อของไป และก็คงต้องกินเองไปอีก 2 ปี เพราะโดยส่วนตัวก็เชื่อว่า มันขายไม่ได้อยู่แล้ว แค่ ค้นหาในกูเกิ้ลก็เจอของลดราคามากกว่าครึ่ง เทขายกันเกลื่อนกลาด

แต่พฤติกรรม ของน้องสาวผมก็ไม่หยุดอยู่แค่นี้ น้องผมได้ขอเบอร์เพื่อนพ่อเพื่อนแม่ ญาติพี่น้องต่างๆ มากมาย โทรไปขายของ ตื้อคนนู้น ตื้อคนนี้ จนเพื่อนแม่ผมโทรมาต่อว่าแม่ผม
คนรอบข้างเดือดร้อนกันไปหมด พอขายไม่ได้ก็มาต่อว่าแม่ผมว่า ไม่สนับสนุน ขัดขวาง ต่อต้านมัน
วันๆก็ นั่งส่งอีเมล์ เป็นพันๆ รายชื่อ ส่งไปเรื่อง ทำงานผ่านเนต แค่กรอกข้อมูล รายได้ หลักพันหลักแสน คลิ๊กที่นี่เลย นั่งส่งเป็นพันๆ

จนมาวันนี้ มันมาถามหาแหล่งเงินกู้จากแม่ผมอีก บอกว่าต้องการอีก แปดหมื่นกว่าบาท ต้องปิดยอดให้ได้ วันนี้ ซึ่งเดิมที มันบอกว่า ก็จะขายของ ชุด สามหมื่นเจ็ดพันบาทนี้ให้หมด ( ได้ของวันที่ สิบเก้าเดือนนี้) แล้วเอาเงินมาซื้อ ชุดแปดหมื่นนี้ทีหลัง ซึ่ง จนวันนี้แล้ว มันขายไม่ได้เลยซักชิ้นเดียว
ชงกินเองหมด ชงให้คนในบ้านกิน ซึ่งที่บ้านก็ไม่มีใครกิน เพราะ ไม่ชอบ ไม่อร่อย และทรมาณ (คนในบ้าน มีให้กินฟรีแล้วยังไม่กิน ผมก็ไม่รู้ว่า คนนอกบ้าน ใครมันจะอยากซื้อมากิน)

ซึ่งมันผิดคาดจากที่ทางบ้านเราคุยกันไว้ คือ สามหมื่นแรก แล้ว มันยังไม่จบ มันต้องการอีก แปดหมื่น รวมเป็นแสนกว่าบาท จึงไม่มี ใครยอมให้มันทำอีกแล้ว
น้องผมก็โวยวาย กร้าวร้าวอย่างหนัก พูดอะไรก็สวนกลับมาด้วยคำพูดที่ ทั้งชีวิต ไม่เคยได้ยินออกมาจากปากของมัน (เหมือนเอา สริปที่ไหนมาพูด) ว่าอะไรไปก็สวนๆ ว่า พ่อแม่ไม่ได้ไปฟังเองพ่อแม่ไม่รู้ ทนเป็นมนุษย์เงินเดือนจนๆ แบบนี้มาได้อย่างไร
แล้วมันก็ขโมยเบอร์โทรศัพท์จาก โทรศัพท์แม่ไปโทรหาใครบ้างก็ไม่รู้ ซึ่งแม่ผมก็ต้องคอยพยายามโทรเช็ค ว่า หากน้องผมโทรไปขอยืมเงินก็อย่าให้ มันจะเอามาทำ เฮอร์บาไลฟ์

สิ่งที่ทางบ้านผมกลัวที่สุดก็คือ มันจะไปหาเงินกู้นอกระบบ (ในระบบคงไม่มี เพราะจบใหม่ไม่มีเงินเดือน คงไม่มีใครให้กู้ได้) แล้วสุดท้ายก็ไม่มีเงินไปคืนเค้า ต้องถูกตามทวง ซึ่ง สุดท้ายแล้ว คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องหาเงินไปใช้คืน

วันนี้ ก่อนออกจากบ้านไป น้องผมได้เขียน จดหมายถึงพ่อแม่ผม แสดงความน้อยใจ ต่างๆ นานาๆ หาว่า ผมลงทุนเปิด บริษัท ส่วนตัว พ่อแม่ก็ช่วยเรื่องเงินกู้ให้ แต่ทำไม น้องผมจะขอให้ช่วยบ้าง ไม่ได้ ซึ่งผม อยากจะบอกให้น้องผมได้รู้ว่า ผม มีเงินเดือนจ่ายค่างวดเงินกู้ได้เองทุกเดือน เพราะ มีงานประจำทำอยู่แล้ว ซึ่งต่างจากน้องผม ที่ ตอนนี้ยังไม่มีรายได้อะไร

เนื้อหาในจดหมาย ดังรูปที่แนบมาด้านล้างนะครับ

*** ซึ่ง ผมอยากจะมาขอความช่วยเหลือจากสมาชิก ห้องนี้ครับ ว่า จะจัดการกับเรื่องดังกล่าวนี้ได้อย่างไร ดี ทางผมเอง และ ทางบ้านก็จนปัญญาแล้ว ไม่อยากเสียเงินแสนไปฟรีๆ ซึ่ง สำหรับครอบครัวผม เงินจำนวนนี้ ถือว่า มากเอาการเลยทีเดียว ขอร้องละครับ